สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ทุกคน
วันนี้เรามาเที่ยวที่ Tokyo กันต่อเหมือนเดิมนะคะ
การเดินทางตลอดทั้งวันมิกิ ก็ยังใช้บัตร JR Pass เป็นหลักค่ะ สะดวกสุด ๆ
ว่าแล้วก็ไปกันเลย . . .
ที่แรกที่มิกิจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวด้วยกันเนี่ย เป็นที่ที่ไปกันได้ทั้งครอบครัว
ทั้งสนุก แล้วก็ได้ความรู้ด้วยค่ะ
เพราะว่าเราจะไปกันที่ Aqua Park Shinagawa ไปดูสัตว์น้ำกัน
วิธีเดินทาง คือ นั่งรถไฟสาย JR มาลงที่สถานี Shinagawa แล้วเดินตามป้ายไปแป๊บเดียวก็ถึง
แต่ ๆ ๆ ๆ มาถึงสถานีแล้ว อย่าเผลอหลงแวะเข้าไปช็อปปิ้งก่อนนะคะ
เพราะตรงสถานีมีร้านขายของ ร้านอาหารเยอะมากกก
หรือถ้ามาแล้วไม่รีบ ก็แวะกินข้าวแถวนั้นก่อนก็ได้ค่ะ เพราะด้านในอควาเลี่ยมขายแค่ของว่าง กับ เครื่องดื่ม
ตามป้าย ไม่หลงแน่นอน หรือ จะหลงเข้าร้านของกินไปก่อน -0-
ถ้ากลัวหลง เปิด Google map เลยค่ะ
มาถึงแล้ว Aqua Park Shinagawa
ที่นี่เป็นอควาเรียม ที่มีทั้งแบบตู้ แบบอุโมงค์ มีเครื่องเล่น ที่ทานของว่าง โชว์การแสดงของปลา ฯลฯ
ทั้งหมด 11 โซน
Park Entrance เป็นโซนต้อนรับ จะมีโลโก้ของที่นี่ฉายอยู่ที่กำแพง
Magical Ground เป็นเครื่องเล่นน่ารัก ๆ ให้เด็ก ๆ เล่นค่ะ
Coral Cafe bar ที่นี่จะเป็นบาร์ขายอาหารว่าง เครื่องดื่ม บรรยากาศดีเลยล่ะ
Jellyfish Ramble โซนนี้มีโชว์แมงกระพรุน แสง สี เสียง สวยมาก ๆ
Little Paradise ดูปลาสวย ๆ แล้วก็สัวต์น้ำแปลก ๆ
Wonder Tube อุโมงค์ใต้น้ำ ที่มีปลาสวย ๆ และหายาก ให้เราดูเพลิน ๆ
Life Museum พิพิธภัณฑ์สิ่งมีชีวิตที่เหมือนงานศิลปะ
Aqua Jungle สัตว์ที่อยู่รอบ ๆ แหล่งน้ำ
Wild Street ดูนกเพนกวิ้น แมวน้ำ นาก แบบติดขอบกระจก
Friendly Square ดูการแสดงของแมวน้ำ และ เพนกวิ้นได้ใกล้ ๆ
The Stadium โชว์ปลาโลมา แบบใกล้ชิด
ก่อนมา มิกิจองบัตรเข้าชมกับ Klook ไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ
แค่เอา Voucher ที่ปริ้นมาแล้วไปยื่นตรงเคาท์เตอร์ ก็จะได้บัตรตัวจริงมา
โบรชัวร์แผนที่ในอควาเลี่ยม มีหลายภาษาให้เลือก
แล้วก็มีภาษาไทยด้วยค่ะ > . <
โซนแรก ตอนที่ไปเป็น Theme Secret Sea ค่ะ
สวยดี ตอนที่เราเอามือไปแตะกับฉาก มี Effect ผีเสื้อบินออกมา
เครื่องเล่น ม้าหมุนสำหรับเด็ก ๆ
แทนที่จะเป็นม้า เขาก็ใช้เป็นสัตว์น้ำมาแทน ดูแล้วน่ารักทุกตัวเลย
มีใครสนใจอยากนั่งบนฉลามบ้างคะ อิ อิ
นั่งเรือกันไหม . . . อันนี้เป็นเครื่องเล่นแบบไวกิ้งบ้านเราค่ะ
แต่ถ้าจะเล่นอันนี้ต้องจ่ายเงินเพิ่มค่ะ ไม่ได้รวมในบัตรเข้าชม
ตรงนี้มิกิชอบมากเลย
ตรงหน้าตู้ปลาจะเป็นจอสัมผัส ในตู้จะเป็นสัตว์จริง ๆ
แต่ตรงจอ จะเป็นรูป ข้อมูล ของสัตว์ชนิดนั้น ๆ เราจะย่อ ขยาย จับหมุนได้ 360 องศายังไงก็ได้
เด็ก ๆ จะชอบมาก ผู้ใหญ่ก็ชอบเหมือนกัน น่าตื่นเต้นดีค่ะ
โซนอาหารว่าง และ เครื่องดื่ม
ตรงนี้จะโชว์พวกปะการังสวย ๆ ให้ดูค่ะ
แล้วก็โต๊ะที่วางของดูว๊าวมาก ๆ กินไปดูปลาในตู้ไปด้วย
โซนนี้ก็สวยมาก ๆ เขาเอาแมงกระพรุนมาจัดในตู้ทรงกระบอก
แล้วจัดแสงให้สวย ๆ กับเปิดเพลงคลอเบา ๆ
อันนี้ต้องไปดูด้วยตาค่ะ เพลินมาก ๆ ดูแมงกระพรุนค่อย ๆ ขยับตัว ตามจังหวะไฟ
สวยมากจริง ๆ
ตรงกลาง เป็นตู้ที่ให้คนมายืนถ่ายรูปได้
ไฟเขาจะเปลี่ยนสีไปเรื่อย ๆ แมงกระพรุนที่ตัวใส ๆ ก็เลยสีเปลี่ยนตามไปด้วย
ทุกตู้ดูเพลินมากค่ะ แอบเห็นคู่รักมาด้วยกันเยอะเลยล่ะ
แต่ครั้งนี้มิกิมาคนเดียว ก็เลย . . . ถ่ายรูปคนเดียวก็ได้ อิ อิ
อ่า ลืมเรื่องสำคัญไปเลย ถ้าจะถ่ายรูปห้ามใช้แฟลชนะคะ ไม่ว่ากับสัตว์ชนิดไหน
มันอาจจะทำให้ตาเขาเสียได้ค่ะ
ตรงนี้ห้องอาจจะไม่ใหญ่ แต่ก็อยู่นานพอสมควรค่ะ
จะบอกยังไงดี คือดูแมงกระพรุนค่อย ๆ กระดึ๊บ ๆ แล้วก็เพลินดี สงบดีด้วยค่ะ
พอดีเดินมาถึงช่วงโชว์โลมาพอดีเลย
แนะนำว่าถ้าอยากเปียกให้เลือกลงไปนั่งด้านล่างนะคะ
รับประกันความเปียก เพราะจะโดนโลมาแกล้งแน่นอน
โชว์สนุกดีค่ะ แล้วที่ประทับใจคือ ที่นี่เขามีพื้นที่สำหรับผู้พิการด้วย
จัดที่ไว้อย่างดีเลย ไม่ต้องโดนบัง เอาใจใส่ดีมาก ๆ
เดินดูปลา ปะการัง
ตรงอุโมงค์ปลาเยอะ แล้วก็ปลาสวยค่ะ
มีเต่าด้วย
ได้เจอปลาหายากแล้ว Sawfish กับ Manta Rays
เจ้าฉลามปากเลื่อยกำลังหลับอยู่ ส่วนกระเบนราหูก็ว่ายอยู่บนหัวเลยค่ะ
ตัวจริงของกระเบนราหูเนี่ย ยิ่งใหญ่มาก ยิ่งได้เห็นใกล้ ๆ ยิ่งตื่นเต้นสุด ๆ
มีปลาสวย ๆ แล้วก็แปลก ๆ ให้ดูเรื่อย ๆ ด้วยค่ะ
ค่อย ๆ เดินดูชิล ๆ ไป รู้สึกเหมือนได้เพิ่มพลังให้ตัวเองไปด้วย
โซนสัตว์ที่อยู่รอบ ๆ แหล่งน้ำ
มีนาก เพนกวิ้น แมวน้ำ เราเข้าไปยืนดูใกล้ ๆ เกาะขอบกระจกได้เลย
พอยิ่งเข้ามาดูใกล้ ๆ ยิ่งรู้สึกว่าเจ้าพวกนี้น่ารักชะมัด
ส่วนโซนโชว์เพนกวิ้น แมวน้ำ จะอยู่ outdoor ค่ะ
แสดงเป็นรอบ ๆ ไป
พอเดินดูสัตว์น้ำเสร็จ สบายใจแล้ว
ตรงทางออกมีที่ให้เราช็อปปิ้งกันต่อ ของน่ารัก ๆ เยอะมากเลย
โดยเฉพาะตุ๊กตาสัตว์น้ำแบบกลม ๆ
ของอื่น ๆ ที่น่าพากลับบ้านหลายชิ้นเลย
กระดาษ ปากกา ถุงเท้า กระเป๋า ผ้า ขนม ที่เป็นลายสัตว์ที่อยู่ในอควาเลี่ยม
ถุงเท้าน่ารักมาก แต่น่าเสียดายนิดหน่อยตรงที่เป็นของเด็กเล็กค่ะ อดเลย T^T
ที่ Aqua Park Shinagawa ถ้ามา เผื่อเวลาเดินสัก 3 ชั่วโมงขึ้นไปนะคะ
เพราะว่าเดินเพลินมาก ๆ แค่ยืนดูแมงกระพรุนอย่างเดียวก็เกินครึ่งชั่วโมงแล้วค่ะ
ที่นี่เปิดประมาณ 10.00 – 22.00 น. ( บางวันก็อาจจะเปิดเร็วกว่านี้ )
ถ้าสนใจกดจองได้ตรงนี้เลยค่ะ Klook
เริ่มจะหิวแล้ว . . . ตอนนี้เดี๋ยวเราไปกินมื้อเย็นกันค่ะ
พิเศษตรงที่ว่า เราจะตามไปดูว่าหลัง 2 โมงเย็น ที่เป็นเวลาเลิกงานของคนญี่ปุ่นเนี่ย
เขาไปกินที่ไหนกัน เราจะตามไปกินแบบนั้นค่ะ
ทัวร์โตเกียวหลัง 5 โมงเย็น มิกิ จองมาจาก Klook เหมือนเดิม
ตอนที่มาจะมีจุดนัดพบ แล้วมองหาชาวต่างชาติที่จับตัวรวมกลุ่มกันอยู่ค่ะ
เขาจะมีไกด์พาเราไป
อันนี้จำเป็นต้องมาตรงเวลานะคะ เพราะถ้ามาช้า เขาจะไม่รอนะ
ตอนที่เจอไกด์แล้วก็เอา Voucher ให้เขาดูค่ะ
ร้านแรกที่มา เป็นอาหารเสียบไม้ย่าง
ในทริปนี้ จะมีสาเก หรือ เบียร์ ให้เราดื่ม 1 แก้ว
แต่ถ้าสั่งเพิ่มอันนี้ต้องเพิ่มเงินเองน๊า
แล้วร้านที่ไปนั่งกิน จะมี 2 ร้าน ก็แล้วแต่ว่าอยากจะดื่มร้านไหนค่ะ
ถ้าร้านไหนไม่ดื่ม ปกติร้านที่ญี่ปุ่นจะมีน้ำดื่มบริการฟรีอยู่แล้ว
มาเรียกน้ำย่อยกันก่อนเลย สลัดมักกะโรนี นุ่ม ๆ มัน ๆ ค่ะ
ถ้ามาคนเดียว จะได้เป็น Set แบบนี้
แต่ถ้ามาหลายคนจะได้หลายอย่าง แล้วแชร์กันในกลุ่ม
มาว่ากันถึงรสชาติ ดีกว่าที่คาดไว้มาก ๆ อร่อยเลยล่ะค่ะ
คิดว่าอร่อยกว่าร้านตามแหล่งท่องเที่ยวอีกนะ เห็นแล้วอยากเหาะไปกินอีกเลย
อันนี้เป็นเต้าหู้ อร่อยมากเช่นกัน
อันนี้แบ่งมาจากโต๊ะอื่นค่ะ
เห็นเป็นผักธรรมดาแบบนี้ แต่ว่าอร่อยสุด ๆ เดาว่าซอสที่เขาทามาต้องมีส่วนแน่ ๆ
อันนี้อร่อยจริง เนื้อสัตว์ว่าอร่อยแล้ว แต่ผักนี่คือขั้นกว่า
แล้วก็มาต่อกันที่ร้านนี้ค่ะ
เป็นร้านดังที่เห็นคนต่อแถวซื้อเรื่อย ๆ เลย ของขึ้นชื่อก็คือโมจิค่ะ
อันนี้เราจะได้คนละ 1 ชิ้น ส่วนไส้แล้วแต่เลือกเลยค่ะ
มิกิเลือกไส้แอปริคอทมา
แป้งด้านนอกนุ่มาก ๆ เลย
ด้านในก็ไส้ทะลัก มีแอปริคอท กับอีกอย่าง ที่มิกิเดาว่าน่าจะเป็นเผือก
รสชาติจะหวาน นุ่ม มีเปรี้ยวนิด ๆ ค่ะ อร่อยดี ( อยากเบิ้ลอีกเช่นกัน )
มาถึงร้านสุดท้าย ที่ถนนมอนจายากิ
เส้นนี้จะมีร้านมอนจายากิอยู่หลายร้านเลยค่ะ
เพื่อน ๆ อาจจะ งง ว่า มอนจายากิ มันเป็นยังไงใช่ม๊า
คือเขาก็คล้าย ๆ กับโอโคโนมิยากิ ที่เอาผัก เนื้อสัตว์ มาผสมกับแป้ง แล้วเทลงกระทะค่ะ
แต่จะต่างกันตรงที่ มอนจายากิ จะนิ่ม ๆ ยืด ๆ ไม่แข็ง
โต๊ะนึงจะนั่ง 4 คน แบบแชร์กันค่ะ
ก็ต้องตกลงกันหน่อยว่าจะเลือกหน้าอะไรดี
เราจะได้ไม้พายเล็ก ๆ มาคนละอันเอาไว้ตัก มอนจายากิ มากินค่ะ
จะว่าไปก็อร่อยเหมือนกันนะ มันอาจจะแปลก ๆ ตอนที่กินตอนแรก ๆ
ตอนกินต้องคอยดูเตาด้วยนะคะ เพราะถ้าเราทิ้งบนเตานานไปมันจะไหม้เกรียมเลยแหละ
ตรงถนนเส้นนี้มีร้าน เมล่อนปัง เจ้าดังขายอยู่ด้วย
ต้องกินตอนที่ยังอุ่น ๆ อยู่
ด้านนอกหอม กรอบ ด้านในนุ่ม ๆ รสจะออกหวานนิด ๆ แต่หอมมากค่ะ
แต่ถ้าเอากลับบ้านมันจะเหนียว อร่อยสู้ต้องทำใหม่ ๆ ไม่ได้น๊า
แล้วทริปทัวร์ ( กิน ) โตเกียวหลัง 5 โมงเย็น ก็จบเรียบร้อยค่ะ
เป็นร้านที่ไม่เจอชาวต่างชาติเลย เจอแต่คนญี่ปุ่นล้วน ๆ
อาหารรสชาติดี โดยเฉพาะอาหารเสียบไม้ย่างค่ะ ดีมากกกก
สรุปใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
แนะนำว่าถ้าจะไปทัวร์กิน ที่ต้องจับกลุ่มแบบนี้
ควรมากันอย่างน้อย 2 คนขึ้นไปหรือ 4 คนค่ะ
มาญี่ปุ่นทั้งที ก็ไม่ควรพลาดอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมค่ะ
ร้านที่มิกิพาเพื่อน ๆ มาวันนี้ เป็นร้านอาหารแบบไคเซกิระดับมิชลิน สตาร์ เลยค่ะ
อาหารแบบไคเซกิ คือ คอรส์อาหารที่มาเป็นจานเล็ก ๆ แต่ว่ามีหลายอย่าง
ใช้วัตถุดิบที่มีในช่วงฤดูกาลนั้น ๆ
ร้าน Sakuragawa ย่าน Nihonbashi ที่จองมาจาก Klook ค่ะ
กำลังคิดว่าถ้าให้เรามาตามหาร้านอาหารแบบนี้เอง คงนึกไม่ออกแน่ว่าจะไปกินที่ไหน
ในเวป Klook มีร้านอาหารที่น่าสนใจมาแนะนำหลายร้านเลยค่ะ
ไม่ต้องไปลุ้นจองหน้าร้านด้วย เราจองจากไทยไปก่อน แล้วปริ้น Voucher เอาไปให้ร้านดูก็พอ
ง่ายสุด ๆ
พอเดินเข้ามาแล้วด้านในจะมีแบบห้องส่วนตัว กับ แบบโต๊ะที่มีฉากกั้นค่ะ
จัดแบบสไตล์ญี่ปุ่นย้อนยุค พนักงานใส่ชุดยูกาตะ แล้วก็เปิดเพลงบรรเลงสบาย ๆ
อาหารจานแรกมาแล้ว > . <
สำหรับมิกิความน่าตื่นเต้นของอาหารแบบไคเซกิ ก็คือ จะมีอะไรมาบ้างนะ
อันนี้พอพนักงานมาเสิร์ฟก็จะอธิบายเป็นภาษาอังกฤษง่าย ๆ ค่ะว่าคืออะไร กินยังไง
ในนี้มี หนวดหมึก เด้ง ๆ ราดซอสโชยุ รสเค็มนิด ๆ กับ เห็ด
ตรงกลางเป็นพีชในเยลลี่ ( แต่มันเหมือนบ๊วยจีนที่คล้ายเงาะ แต่ตรงขนมันจะแน่น ๆ แล้วกินได้ นึกชื่อไม่ออก ) อันนี้ก็หวาน ๆ ดีค่ะ
ชิ้นสีขาว เป็นหล่อไม้ฝรั่งสีขาว นุ่ม ๆ รสนุ่ม ๆ
ส่วนในถ้วยเป็นหมึกค่ะ หนึบ ๆ รสแปลก ๆ เพราะไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่
ซูปแบบญี่ปุ่น ข้างใต้มีเยลลี่ที่ทำจากสาหร่ายอร่อยดี ชอบเลย
ปลาสดเนื้อเด้ง ๆ น้ำซุปรสนุ่มกำลังดี หวานนิด ๆ เค็มหน่อย ๆ
รวม ๆ แล้วอร่อยค่ะ ชอบมาก
หนัง & ซาชิมิเนื้อปักเป้า กับซอสสูตรพิเศษ
ซอสที่มีส่วนผสมของซีทรัส ให้ความสดชื่น หอม ๆ กับหนังหนุบ ๆ หยุ่น ๆ
กับเนื้อเด้ง ๆ ของปักเป้าเข้ากันสุด ๆ
อร่อยค่ะ เข้าใจแล้วว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงยอมเสี่ยงชีวิตกินปักเป้า
เรือมาแล้ว . . . เรือซาชิมิ กับ ปลาตัวเล็ก ๆ ที่เอามาทำเป็นแครกเกอร์
อาหารสดดี โดยเฉพาะชิ้นแดง ๆ กัดเข้าไปปุ๊บ มันนุ่ม มันยุ่ย มันละลายไปเลย
แค่ 2 ชิ้นไม่น่าจะพอ >.< ( ไม่มั่นใจว่าเป็นโอโทโร่หรือเปล่า )
แต่คือดีมากกกกก
ในนี้มี ปลาตากแห้ง จะเค็ม ๆ หน่อย ๆ
หอย ( ไม่มั่นใจว่าเป๋าฮื้อหรือเปล่า ) สด เนื้อเด้ง ๆ ดึ๋ง อร่อยมาก
แซลมอนรมควัน หอม ๆ เค็ม ๆ ขาปู สด หวาน อร่อย
ในฟรอยด์สีทอง เป็นเนื้อที่ราดซอสมา นุ่ม ตัวซอสรสบาง ๆ ชิล ๆ
ในถ้วยเล็กเป็นไข่แซลมอน
จานนี้มี เท็มปุระกุ้งเล็ก ๆ ปลาแม่น้ำตัวเล็กทอด
ไข่หอยเม่น หอย
ทั้งหมดนี้เวลากินให้จิ้มเกลือ อร่อยดีเหมือนกัน
จานนี้มีถั่วแรกญี่ปุ่น ฟักทอง แล้วก็อีกอันไม่รู้ค่ะ เรียกชื่อไม่ถูก – –
อันนี้รสเค็มนิด ๆ อ่อน ๆ ค่ะ ลื่นคอ
มาถึงตรงนี้ เห็นมาจานเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มิกิเริ่มอิ่มแล้วล่ะค่ะ
ข้าวหน้าปลา กับ เครื่องเคียง
จานนี้เป็นเมนคอร์ส เขาจะมีตัวเลือกให้เราค่ะว่าจะเลือกอะไร ( น่าจะเลือกจาก 3 อย่าง )
มิกิเลยเลือกปลามา แต่ไม่รู้ว่าปลาอะไร
รสชาติจะจืด ๆ หน่อยสไตล์ญี่ปุ่น เนื้อปลาดีมาก หยุ่น ๆ ร่วน ๆ ฟิลปลาทูแต่ไม่เค็ม
ชอบเนื้อปลา อร่อย
มาถึงของหวานแล้ว อันนี้ไม่ต้องเลือก เขาจัดมาให้เลย
ของหวาน 2 กับ ชาเขียว 1
พุดดิ้ง อันนี้อร่อยมาก
เนื้อพุดดิ้งหวาน หอม ผลไม้หวานอร่อย
รวมแล้วดีระดับสั่งเพิ่มอีกโหลได้ไหม
วาราบิโมจิ เป็นวาราบิแบบใส ๆ นุ่ม หนืด ที่ผงคินาโกะ ซอส แล้วท็อปด้วยกลีบซากุระแห้ง
ตั้งแต่กินวาราบิโมจิมา ที่นี่คือที่สุดค่ะ อร่อยแบบ T^T ฮือ ๆ ๆ จะไปหาที่ไหนกินแบบนี้ได้อีกล่ะเนี่ย
โมจิ ปกติว่านุ่มแล้วแต่อันนี้นุ่มกว่ามาก แล้วกลีบซากุระจะเค็ม ๆ หน่อย
พอกินด้วยกันแล้ว โอ้ยยย
อาหารว่าดีแล้ว ของหวานนี้ยกโล่ให้เลยจริง ๆ
ส่วนชาเขียว หอม เข้มข้นดีค่ะ
เสียดายตรงที่ร้านนี้มีเป็นคอร์ส พนักงานพอพูดอังกฤษได้แต่ไม่เก่งมาก ( แต่ดูแลดีนะ น้องเขาน่ารักดี )
ก็เลยไม่รู้ว่าของหวานถ้าเราจะสั่งเพิ่มแล้วจ่ายส่วนต่างจะได้หรือเปล่า
เพราะ . . . อร่อยจริง ๆ
ที่จริงยังมีร้านอาหารระดับระดับมิชลิน สตาร์ ร้านอื่นอีกค่ะ
แต่ว่าทริปนี้มิกิมาคนเดียวก็เลยต้องเลือกร้านที่จองแบบคนเดียวได้
เพราะว่าบางร้านรับจองจำนวน 2 คนขึ้นไป เพื่อน ๆ ลองเช็คดูได้จาก Klook เลยนะคะ
ร้านเด็ด ๆ ที่น่าสนใจมีอีกหลายที่เลยล่ะ
มิกิว่า มาถึงตรงนี้เพื่อน ๆ หลายคนอยากจะลองตามมาเที่ยว มากินที่ญี่ปุ่นจริง ๆ แล้วใช่ม๊า
แต่ละฤดูของญี่ปุ่น อากาศ วิว ก็ต่างกัน อาหาร ผลไม้บางชนิดด้วย
ถ้ามาคนละฤดูกัน ก็น่าจะได้ประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นคนละแบบกับมิกิก็ได้นะคะ
แต่ . . . ทริปนี้ยังไม่จบน๊า เพราะว่าเราจะไปเที่ยวที่ Osaka กันต่อ
จากโตเกียว นั่ง Shinkansen ไปลงโอซาก้า ด้วยรถไฟขบวน Green Car
ที่เขาเปรียบเหมือนชั้นนักธุรกิจ จะเป็นยังไง เจอกับครั้งหน้านะคะ
อย่าลืมมาเจอกันน๊า
โครงการ Klook กูรูท่องโลก
โครงการที่รับสมัครกูรูไปท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่น/เกาหลี ค้นหาที่เที่ยวใหม่ ๆ อาหารที่น่าสนใจ และ ได้มิกิเองได้ชนะการคัดเลือกมาเป็นตัวเเทนของประเทศไทย ในการทำทำกิจกรรมจาก Klook แบบฟรี ๆ ค่ะ
โปรโมชั่น หรือ กิจกรรมดี ๆ แบบนี้ เพื่อน ๆ ติดตามกันได้ที่