ฟ้าจะบิน ฟ้าเที่ยวทิพย์มา 2 ปีแล้ว ฟ้ารับไม่ได้ค่ะพ่อ! อย่าว่าแต่น้องฟ้าเลย พี่ก็อยากบินค่ะ รับบทนางรักษาระยะห่าง นางการ์ดไม่ตกมาแล้วเป็นปี แต่สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้นสักที แล้วอย่างนี้มันผิดที่พวกเราหรือผิดที่ใครกันคะ!? อ่ะ หยอก ๆ ตอนนี้ยังไปไหนไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะ พี่เข้าใจ ขอไปวางแพลนเที่ยวพลาง ๆ ก่อนก็แล้วกัน แต่พี่ขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะคะว่า โควิดหมดเมื่อไหร่ สนามบินต้องลุกเป็นไฟแน่นอน เพราะไม่ว่าจะทริปไหน ๆ พี่ก็จะไปให้หมด!
ฮั่นแน่ รู้นะว่า หลาย ๆ คนคงกำลังคิดถึงเรื่องเที่ยวหลังหมดโควิด เหมือนน้องฟ้าและคุณพี่ด้านบนกันอยู่ เพราะฉะนั้น ลองแวะมาอ่าน 7 เรื่องที่ต้องรู้สำหรับการเที่ยวหลังหมดโควิด ที่ Klook นำมาฝากกันได้น้า ไปค่ะ go go ไปอ่านแล้วเตรียมตัวกันไว้ โควิดหมดเมื่อไหร่ เราจะได้เที่ยวแบบปัง ๆ!
1. ไปเที่ยวหลังโควิดทั้งที ต้องศึกษาข้อมูลการเดินทางเข้าพื้นที่ให้ดีนะ
ตั้งแต่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 การใช้ชีวิตของพวกเราก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะเรื่องการเดินทางที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก็คงจะจองตั๋วปุ๊บ แล้วบินปั๊บ! แต่ตอนนี้คงต้องทำใจยอมรับความจริงอันน่าเศร้าที่ว่า พวกเราไม่สามารถจองตั๋วเครื่องบินแล้วออกเดินทางได้ทันทีเหมือนแต่ก่อนแล้วล่ะ เนื่องจากแต่ละจังหวัดหรือประเทศนั้นมีมาตรการควบคุมโรคที่แตกต่างกันออกไป
ดังนั้น สิ่งที่สำคัญมาก ๆ สำหรับการเดินทางข้ามจังหวัดหรือประเทศในช่วงสถานการณ์แบบนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นการศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วน ทุกคนควรตรวจสอบดูให้ดีว่า จังหวัดหรือประเทศที่เราต้องการจะไปนั้น ยังล็อกดาวน์อยู่หรือเปิดรับนักท่องเที่ยวแล้ว โดยถ้าเป็นการเดินทางภายในประเทศ ก็สามารถทำการตรวจสอบได้ง่าย ๆ ที่เฟซบุ๊กเพจหรือเว็บไซต์ของแต่ละจังหวัด ส่วนในกรณีของต่างประเทศนั้น ทุกคนสามารถทำการตรวจสอบข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ทางการของสถานทูตแต่ละประเทศ หรือโทรไปติดต่อสอบถามยังสถานทูตโดยตรงเลยก็ได้เหมือนกัน
2. หนังสือเดินทางอย่างเดียวไม่พอ ขอเอกสารรับรองผลการตรวจโควิด-19 ด้วยสิคะ
ในเมื่อจังหวัดหรือประเทศที่เราต้องการจะไปนั้นเปิดรับนักท่องเที่ยวแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่ทุกคนจะต้องจัดการก็คือ การตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการเดินทางนั่นเอง! ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก็คงจะเดินเข้าสนามบินแบบชิลล์ ๆ แค่เอกสารที่ใช้ในการยืนยันตัวตน อย่างบัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทาง ก็ผ่านฉลุยแล้ว แต่ตอนนี้อะไร ๆ ก็ไม่เหมือนเดิม เพราะจะเดินทางทั้งทีก็ต้องมีเอกสารมายืนยันว่าฉันไม่ได้ติดเชื้อโควิด-19 นะ
ซึ่งเอกสารหลัก ๆ ที่ต้องใช้ก็มีอยู่ 4 อย่าง นั่นคือ ใบรับรองว่ามีสุขภาพพร้อมเดินทางทางอากาศ (Fit to Fly Health Certificate) ใบรับรองผลการตรวจโควิด-19 ใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 และหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยแต่ละจังหวัดหรือประเทศก็จะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันออกไป ทุกคนควรตรวจสอบข้อมูลให้ดีว่า จังหวัดหรือประเทศที่เราต้องการจะไปนั้นต้องการเอกสารอะไรบ้าง
Klook ขอแนะนำว่า ให้ทุกคนวางแผนการเดินทางและตรวจสอบข้อมูลดี ๆ นะ เนื่องจากเอกสารแต่ละอย่างนั้นต้องใช้เวลาในการออก และเอกสารบางอย่างก็มีอายุเพียงแค่ 72 ชั่วโมงเท่านั้น ถ้าวางแผนไม่ดี อาจจะต้องเสียเงินฟรี ๆ ก็ได้นะ
3. วัคซีนโควิด-19 เจ้าปัญหา อย่าลืมศึกษาข้อกำหนดในเรื่องนี้ด้วยนะ
อย่างที่ทุกคนทราบกันแล้วว่า แต่ละจังหวัดหรือประเทศนั้นมีมาตรการการเดินทางเข้าพื้นที่ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งความแตกต่างนี้ก็รวมถึงข้อกำหนดเรื่องของการฉีดวัคซีนโควิด-19 ด้วยเช่นกัน สำหรับบางจังหวัดหรือประเทศนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าพื้นที่ได้ แม้ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แต่ในทางกลับกัน ก็มีบางจังหวัดหรือประเทศ ที่เปิดรับเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วเท่านั้น ยิ่งถ้าเป็นการเดินทางระหว่างประเทศล่ะก็เตรียมตัวกุมขมับได้เลย เนื่องจากวัคซีนโควิด-19 นั้นมีมากมายหลายยี่ห้อ ใช้แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ วัคซีนที่ฉีดกันในประเทศหนึ่ง อาจไม่ถูกรับรองในอีกประเทศหนึ่งก็เป็นได้
เพราะฉะนั้น ก่อนเดินทางออกนอกประเทศ ก็อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนกันด้วยนะว่า วัคซีนโควิด-19 ยี่ห้อที่เราฉีดในประเทศไทยนั้น ได้รับการยอมรับจากประเทศไหนบ้าง หรือถ้ายังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย แล้วจะเดินทางไปฉีดที่ต่างประเทศแบบสวย ๆ ก็ได้นะไม่ว่ากัน ถือว่าเป็นการตัดปัญหาน่าปวดหัวดังกล่าวไปเลย
4. ตรวจโควิด-19 ก่อนออกเดินทาง มาสร้างความปลอดภัยให้เพื่อนร่วมทริปกันเถอะ
เนื่องจากตอนนี้ชีวิตพวกเราไม่เหมือนเดิมแล้ว เวลาจะเดินทางไปไหนมาไหนก็ต้องมีเครื่องยืนยันสักหน่อยว่า ฉันปลอดเชื้อโควิด-19 นะยะ! ดังนั้น เราจึงต้องตรวจโควิด-19 ก่อนออกเดินทางไปนอกพื้นที่อยู่อาศัยเสมอ ซึ่งทุกคนควรตรวจสอบข้อมูลให้ดีด้วยนะว่า จังหวัดหรือประเทศที่เราต้องการจะไปนั้น รับผลการตรวจโควิด-19 แบบไหน
ในปัจจุบัน มีวิธีการตรวจโควิด-19 ที่หลากหลาย แต่วิธีการหลัก ๆ ที่เป็นที่ยอมรับในสากลก็มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี นั่นคือ การตรวจแบบ RT-PCR หรือที่ทุกคนคุ้นเคยกันในชื่อ Swab Test ซึ่งวิธีนี้เป็นการเก็บตัวอย่างเชื้อจากด้านหลังโพรงจมูกหรือลำคอ ใครที่เคยผ่านการตรวจด้วยวิธีนี้มาแล้วคงลืมไม่ลง เพราะวินาทีที่โดนไม้พันก้านสำลีจิ้มเข้าไปในโพรงจมูกนั้น มันรู้สึกจี๊ดจนน้ำตาไหลเลยทีเดียว!
และนอกจากการจิ้มโพรงจมูกแล้ว ยังมีอีกวิธีหนึ่งด้วยนะ นั่นคือ การตรวจหาภูมิคุ้มกันด้วยชุดทดสอบแบบรวดเร็ว หรือที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อ Rapid Test ซึ่งวิธีนี้ก็จะเก็บตัวอย่างเชื้อด้วยการเจาะเลือดที่ปลายนิ้วมือนั่นเอง เห็นแบบนี้แล้วก็อย่าลืมไปศึกษาให้ดีนะว่า พื้นที่ปลายทางที่เราจะไปนั้นต้องการแบบไหน จะได้ไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง!
จองตอนนี้ รับทันทีส่วนลด 100 บาท เมื่อใช้รหัสโปรโมชั่น TH100SAVE สำหรับลูกค้าใหม่เท่านั้น!
5. เข้าพื้นที่ไปแล้ว ก็ไม่แคล้วต้องศึกษาขั้นตอนการปฏิบัติตัว
ขั้นตอนนี้ก็สำคัญไม่แพ้ขั้นตอนอื่น ๆ เลยทีเดียว ทุกคนอย่าลืมตรวจสอบข้อมูลเรื่องการปฏิบัติตัวหลังจากเดินทางเข้าจังหวัดหรือประเทศนั้น ๆ กันด้วยนะ เนื่องจากบางจังหวัดและประเทศ ยังบังคับให้ผู้เดินทางเข้าพื้นที่ต้องทำการกักตัว เพื่อสังเกตอาการตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งแน่นอนว่ามาตรการของแต่ละพื้นที่ก็จะแตกต่างกันออกไป บางพื้นที่มีมาตรการให้ผู้เดินทางกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดหาให้ ส่วนบางพื้นที่ ผู้เดินทางก็สามารถเลือกสถานที่กักตัวเองได้ตามความต้องการ เช่น ที่บ้าน หรือโรงแรม เพียงแต่ต้องมีการรายงานตัวผ่านทางโทรศัพท์ หรือช่างทางอื่น ๆ ที่ถูกกำหนดไว้ก็เท่านั้นเอง
6. หมั่นติดตามข้อมูลข่าวสารอยู่เสมอ จะได้ไม่เจอกับเรื่องวุ่นวาย
หากใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็คงจะสังเกตได้ว่า แทบทุกข้อคือการตรวจสอบข้อมูล! ซึ่งใช่แล้วล่ะ เกือบทุกข้อที่ผ่านมา จะต้องมีขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลอยู่เสมอ เนื่องจากตอนนี้โลกของเราได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง การเดินทางออกนอกพื้นที่อยู่อาศัยจึงกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเลยทีเดียว เราไม่สามารถไปเที่ยวแบบตัวเบาได้อีกแล้ว มีเอกสารที่ต้องเตรียมเยอะแยะไปหมด! แถมทุกพื้นที่ก็ต่างมีมาตรการควบคุมโรคที่แตกต่างกันออกไปอีก วันนี้ประกาศว่าไม่จำเป็นต้องแสดงใบรับรองผลตรวจโควิด-19 พรุ่งนี้อาจจะทำการยกเลิกประกาศดังกล่าวก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นเราควรติดตามข่าวสารอยู่เสมอ และที่สำคัญ ช่องทางที่เอาไว้ใช้อ่านข่าวสารก็ต้องพิจารณาให้ดีนะ ว่ามีความน่าเชื่อถือมากพอหรือเปล่า เพราะปัจจุบันนี้ มีข่าวปลอมถูกปล่อยออกมามากมายหลือเกิน ดังนั้น ถ้าไม่อยากพลาดรับข้อมูลผิด ๆ ก็อย่าลืมตรวจสอบแหล่งที่มาให้ละเอียดรอบครอบนะ
7. อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้ามีโควิด-19! ลองคิดถึงสถานการณ์ไม่คาดฝันไว้บ้างก็ดี
สำหรับขั้นตอนนี้ ใครหลายคนคงจะลืมนึกถึงมันไป หรือจริง ๆ ไม่ได้ลืมหรอก ก็แค่ไม่อยากนึกถึงเท่านั้นเอง เพราะเวลาไปเที่ยว ใคร ๆ ก็อยากจะคิดแต่เรื่องสนุกสนานใช่ไหมล่ะ ยิ่งไปเที่ยวหลังโควิดด้วย อย่ามาพูดถึงความขมขื่นให้ฉันได้ยินนะ อย่านะคะ ๆ! แต่จริง ๆ แล้วคิดไว้บ้างก็ดีเหมือนกันนะ อย่างที่ทราบกันดีว่า ตอนนี้เราอยู่ในสถานการณ์โรคระบาด เพราะฉะนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ มาเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝันไว้บ้างดีกว่า เริ่มจากเรื่องง่าย ๆ เช่น ลองบันทึกเบอร์ฉุกเฉินต่าง ๆ อย่าง เบอร์ประกันสุขภาพ เบอร์สถานพยาบาล หรือแม้กระทั่งเบอร์สถานฑูตไทยไว้บ้างก็ไม่แย่นะ เพราะถ้าหากเราเกิดเจ็บป่วย หรือมีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ที่เรากำลังจะเดินทางไป (ซึ่งได้แต่ภาวนาให้มันไม่เกิดขึ้น เพราะฉันจะเที่ยวอย่างเฉิดฉาย!) อย่างน้อยเราก็จะสามารถจัดการปัญหาดังกล่าวได้อย่างราบรื่นมากขึ้น
และ 7 ข้อที่ Klook นำมาฝากก็เป็นเรื่องน่ารู้สำหรับการเดินทางไปเที่ยวหลังหมดโควิด ซึ่งหลาย ๆ ข้อก็คงจะเป็นเรื่องที่ใครหลายคนลืมนึกถึง เพราะอาจจะชินกับการเดินทางแบบเก่า ที่จองตั๋วปุ๊บ ก็บินปั๊บได้ทันที แต่นั่นแหละทุกคน ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว กว่าจะได้กลับไปเดินทางแบบสบาย ๆ ก็คงต้องใช้เวลาอีกนาน เพราะฉะนั้น ลองศึกษาข้อมูลการเดินทางแบบนิวนอมอลไว้บ้างก็ดีน้า พอถึงเวลาจริงจะได้ไม่วุ่นวาย เพราะเราเตรียมตัวมาดี และมีข้อมูลในสมองแบบแน่นปึ๊กยังไงล่ะ!