คิวชู🗾 หนึ่งในภูมิภาคที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบในญี่ปุ่น!
คิวชูเป็นที่รู้จักในชื่อ "ดินแดนแห่งไฟ" เป็นเกาะบนภูเขาทางตอนใต้ของญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในด้านธรรมชาติ ตั้งแต่น้ำพุร้อนธรรมชาติไปจนถึงภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ ภูมิภาคที่กว้างใหญ่แห่งนี้ยังเป็นแหล่งต้นกำเนิดของอาหารสุดน่าทึ่ง มีสิ่งต่างๆ มากมายให้เดินทางสำรวจ สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่สามารถเริ่มต้นเดินทางสำรวจคิวชูได้ที่เมืองยอดนิยมอย่างฟุกุโอกะ โออิตะ นางาซากิ และคุมาโมโตะ สามารถดาวน์โหลดแผนการเดินทาง 7D6N ฟุกุโอกะ-นางาซากิ-คุมาโมโตะ พร้อมเคล็ดลับการเดินทางตามเมืองที่น่าตื่นเต้นเหล่านี้
คุณสามารถจอง และสัมผัสกับสิ่งที่ดีที่สุด รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยว กิจกรรม บริการรถเช่า ซิมการ์ด และอื่นๆ อีกมากมายบน Klook สมัครตอนนี้เลย! 🧡
รับส่วนลด 10% สำหรับการจองแอปครั้งแรกของคุณเมื่อคุณใช้รหัสโปรโมชั่น <TH10APP> เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไข
แพลนการเดินทางคิวชูสำหรับ 7 วัน🛣️
วันที่ 1: เริ่มต้นการเดินทางที่เมืองฟุกุโอกะ
เมื่อมาถึงสนามบินฟุกุโอกะ รับสิ่งของที่จำเป็นในการเดินทาง เช่น 4G Pocket WiFi หรือซิมการ์ด และ บัตรJR Kyushu Pass (รับได้ที่สถานีฮากาตะ) ก่อนเริ่มการเดินทาง! สนามบินฟุกุโอกะตั้งอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมือง ซึ่งสามารถเดนทางไปยังใจกลางเมืองฟุกุโอกะ (ฮากาตะ) ที่มีชีวิตชีวาได้ภายในไม่กี่นาทีโดยรถไฟใต้ดิน รถบัส หรือรถยนต์
สิ่งแรกที่ขาดไม่ได้คือ การทานอาหารมื้อแรกในร้านอาหารขึ้นชื่อ อย่าง อิจิรันราเมน (Ichiran Ramen) ซึ่งขึ้นชื่อเรื่อง น้ำซุปทงคตสึ เข้มข้น และร้านราเมนที่คุณสามารถนั่งทานอาหารคนเดียวได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด แต่คุณรู้ไหมว่าฟุกุโอกะคือแหล่งกำเนิดของอิจิรันราเมน! ดังนั้นเริ่มต้นการเดินทางในคิวชูของคุณด้วยราเมนร้อนๆ สักชามที่ร้าน OG Ichiran Ramen ในฮากาตะก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อย!
และแล้วก็ถึงเวลาที่จะเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ กันแล้ว!
ปราสาทฟุกุโอกะเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ต้องไปเยี่ยมชม เมื่อเดินทางมาถึงคิวชู แม้ว่าจะเคยเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ แต่โครงสร้างปราสาทส่วนใหญ่ก็ถูกทำลายและถูกเผาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพังและหอคอยที่ยังหลงเหลืออยู่ แต่สวนสาธารณะของปราสาทยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ต้นซากุระที่นี่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ
นอกจากปราสาทฟุกุโอกะแล้ว แนะนำให้ไปเที่ยวชมศาลเจ้าคุชิดะ (Kushida Shrine) (หนึ่งในศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดในฮากาตะ) ศาลเจ้าสุมิโยชิ (Sumiyoshi-jinja Shrine) ศาลเจ้าดาไซฟุเท็มมังกู (Daizaifu Tenman-gū) วัดนันโซอิน (Nanzoin Temple) (ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นพระพุทธเจ้าขนาดใหญ่) และสวนโอโฮริ (Ohori Park) หากชื่นชอบพิพิธภัณฑ์ ก็สามารถเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะฟุกุโอกะ (Fukuoka Art Museum) พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านฮากาตะมาชิยะ (Hakata Machiya Folk Museum) และพิพิธภัณฑ์แห่งชาติคิวชู (Kyushu National Museum)✨
สำหรับช่วงค่ำ มุ่งหน้าไปยังคาแนลซิตี้ฮากาตะ (Canal City Hakata) หนึ่งในศูนย์การค้าของคิวชูที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับโตเกียวดิสนีย์แลนด์ คาแนลซิตี้ฮากาตะ (Canal City Hakata) มีร้านค้า ร้านอาหาร และสถานบันเทิงมากมาย และไม่ควรพลาดชมการแสดงน้ำพุที่จัดขึ้นทุกๆ ครึ่งชั่วโมงที่บริเวณลานกลางของห้างสรรพสินค้า คุณสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่งดงามของการแสดงได้จากทุกชั้นของห้าง!
คาแนลซิตี้ฮากาตะ (Canal City Hakata) จะประดับประดาไปด้วยแสงไฟเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาล การแสดงประดับไฟและการแสดงคริสต์มาสในเดือนธันวาคมจะมีความสวยงามเป็นพิเศษ
ก่อนจบทริปคืนนี้ แนะนำให้เดินทางไปยังฟุกุโอกะทาวเวอร์ เพื่อชมวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองฟุกุโอกะแนะนำให้ชมวิวเมืองจากด้านบนตึก ซึ่งสามารถชมแสงไฟระยิบระยับของทั้งเมืองได้ในมุมกว้าง นับเป็นโมเม้นที่พิเศษมากๆ 🌃✨
หากคุณกำลังมองหาสถานที่แฮงเอาท์ในฟุกุโอกะตอนกลางคืนเพิ่มเติม ขอแนะนำให้เดินทางไปที่เทนจิน ย่านใจกลางเมืองที่มีชีวิตชีวา ซึ่งเต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ร้านบูติกแฟชั่น ร้านอาหารที่พลุกพล่าน และ ยาไต (แผงขายอาหารริมทาง) ที่สามารถกิน ช้อป และสนุกสนานได้ตลอดทั้งคืน!
วันที่ 2: นั่งรถไฟไปยังเบปปุ เมืองออนเซ็น ในบรรยากาศ สบายๆ ของคิวชู
- ระยะเวลาเดินทางจากฟุกุโอกะโดยรถไฟ : 2 ชั่วโมง
- เส้นทางการเดินทางครอบคลุมด้วยบัตร JR Kyushu Pass
หากคุณชื่นชอบน้ำพุร้อน ต้องไม่พลาดในการเที่ยวชมเบปปุในทริปคิวชูนี้ เบปปุ (Beppu) ที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของโออิตะ เป็นเมืองออนเซ็นในบรรยากาศผ่อนคลายที่รายล้อมไปด้วยทะเลและภูเขา เมืองเล็กๆ แห่งนี้เป็นที่ตั้งของบ่อน้ำพุร้อนทั้งเล็กและใหญ่มากกว่าสองพันแห่ง รวมถึงบ่อน้ำพุร้อน 8 แห่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เรียกว่า 'บ่อน้ำพุนรก' (จิโกกุ) แปดแห่งในเบปปุ
'บ่อน้ำพุนรก' ทั้ง 8 แห่ง สามารถเดินเที่ยวชมได้ตามเส้นทางทีละแห่ง ซึ่งน้ำพุร้อนเหล่านี้มีอุณหภูมิที่ร้อนเกินกว่าที่จะลงแช่ได้ และมีวัตถุประสงค์เพื่อการชมเท่านั้น✨ ในขณะที่คุณเยี่ยมชมบ่อน้ำพุนรกทั้ง 8 แห่ง คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับไข่ลวกและพุดดิ้งที่เป็นเมนูพิเศษที่ปรุง โดยใช้ไอน้ำของน้ำพุร้อนนี้ได้!
นอกจากการเที่ยวชมตามสถานที่ต่างๆ แล้ว สิ่งที่พลาดไม่ได้อีกหนึ่งอย่างคือ การแช่ออนเซ็น หรือการพักใน เรียวกัง หากคุณมีโอกาสและมีงบประมาณที่เพิ่งพอ เรียวกังส่วนใหญ่มี ออนเซ็น ส่วนกลาง และห้องอาบน้ำพุร้อนขนาดเล็กในแต่ละห้อง เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการแช่ออนเซ็นแบบส่วนตัว
สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่แนะนำให้เที่ยวชมในเบปปุ:
- สวนสาธารณะเบปปุ (Beppu Park)
- รถไฟเหาะไม้แห่งแรกในญี่ปุ่น!
- เบปปุทาวเวอร์ (Beppu Tower)
- กระเช้าลอยฟ้าเบปปุ (Beppu Ropeway)
- สวนลิงทาคาซากิยามะ (Takasakiyama Monkey Park)
- ถนนช้อปปิ้งคิตะโคกะโชเทนไก (Kitakoka Shotengai Shopping Street)
- สวนชายหาดมาโตกาฮามะ (Matogahama Beach Park)
วันที่ 3: เยี่ยมชมเมืองยูฟุอินในบรรยากาศของเทพนิยาย
- โดยรถไฟ : 1.5 ชั่วโมง
- เส้นทางการเดินทางครอบคลุมด้วยบัตร JR Kyushu Pass
ยูฟุอิน (Yufuin) เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ไม่ควรพลาดในคิวชู! ยุฟุอินตั้งอยู่ในจังหวัดโออิตะ เป็นเมืองที่เงียบสงบ เต็มไปด้วยวิวทิวทัศน์ที่น่าสนใจ และเมืองเล็กๆ ที่มีกลิ่นอายของ Spirited Away วิธีในการเดินทางไปยูฟุอินคือการขึ้นรถไฟยูฟุอินโนะโมริ (Yufuin no Mori) ที่มีเสน่ห์ ซึ่งเป็นรถไฟสีเขียวที่สวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ภายในตกแต่งด้วยไม้มีบรรยากาศแสนสบายที่เชื่อมต่อฮากาตะกับเบปปุโดยผ่านยุฟุอิน🚃 คุณสามารถไปยังยุฟุอินได้ด้วยรถไฟด่วนพิเศษขบวนนี้ ไม่ว่าจะมาจากฮากาตะหรือเบปปุ และเส้นทางการเดินทางนี้ครอบคลุมด้วยบัตร JR Kyushu Pass
เริ่มต้นการเที่ยวชมยูฟุอินด้วยการเดินเล่นไปตามถนนยูโนทสึโบะ ซึ่งเป็นถนนช้อปปิ้งหลักของเมืองที่ทอดยาวจากสถานียุฟุอิน (สถานีที่ลงจากรถไฟ) ไปยังทะเลสาบคินรินที่สวยงาม ถนนเรียงรายไปด้วยร้านกาแฟน่ารัก ร้านอาหารบรรยากาศสบายๆ และร้านค้าแปลกตาที่ขายทุกอย่าง ตั้งแต่เครื่องประดับสวยๆ ไปจนถึงของที่ระลึก งานศิลปะ อาหารข้างทาง ขนมหวาน และของว่าง
ร้านค้าน่ารักๆ ที่น่าจับตามอง ได้แก่ร้านน้ำชาสนูปปี้ ดงริโนะโมริ (สถานที่ที่แฟนภาพยนตร์ของสตูดิโอจิบลิต้องแวะเยี่ยมชม! ซึ่งสามารถมองเห็นร้านได้จากโทโทโระขนาดใหญ่ตรงทางเข้า) และหมู่บ้านดอกไม้ยูฟุอิน ที่มีแม้กระทั่งร้านค้าสำหรับสุนัข แมว รวมทั้งอลิซในแดนมหัศจรรย์ มิฟฟี่ และเฮลโลคิตตี้
หากคุณรู้สึกหิว แนะนำให้ลองชีสเค้กจาก Milch (เสิร์ฟในถ้วยเล็กและทานได้ทั้งร้อนและเย็น) หรือโครเกต์ญี่ปุ่นจากYufuin Kinsho Croquettes! ร้านค้าทั้งสองแห่งตั้งอยู่ตรงข้ามกันตรงริมถนน สังเกตได้จากคิวที่ยาวเรียงรายตามทาง
เดินไปตามถนนต่อไปอีก 20 นาที (ใช้เวลาไม่นานนักเพราะระหว่างทางมีอะไรให้ชมมากมาย!) แล้วคุณจะพบว่าตัวเองอยู่ที่ทะเลสาบคินรินโกะอัญมณีที่ต้องไปเยี่ยมชมในยุฟุอิน ทะเลสาบส่องแสงระยิบระยับเมื่อถูกแสงแดดและเป็นสถานที่ที่สวยงามสำหรับการเดินเล่นกับคนที่คุณรัก มีร้านกาแฟและร้านอาหารในบริเวณใกล้เคียง ดังนั้นคุณสามารถแวะเติมพลังได้หากคุณรู้สึกหิว มุ่งหน้ากลับไปที่เมืองฟุกุโอกะ หลังจากที่คุณใช้เวลาในยูฟุอินมากพอแล้ว
วันที่ 4: สำรวจประวัติศาลตร์ในนางาซากิ
- ระยะเวลาเดินทางจากฟุกุโอกะโดยรถไฟ : 2 ชั่วโมง
- เส้นทางการเดินทางครอบคลุมด้วยบัตร JR Kyushu Pass
คนส่วนใหญ่ที่เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับนางาซากิในหนังสือประวัติศาสตร์ จะพอนึกภาพเมืองที่น่าสนใจแห่งนี้ได้ว่ามีอดีตที่ผ่านมาอย่างไร นางาซากิถูกทำลายไปมากด้วยระเบิดปรมาณูในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากนั้นก็ได้รับการสร้างขึ้นใหม่ให้กลายเป็นเมืองที่สวยงามและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง หากคุณได้เดินเล่นในอุทยานอนุสรณ์สถาน ข้ามสะพานที่สวยงาม และปีนเนินเขา เพื่อชมวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่ดีที่สุด และเป็น 1 ใน 3 วิวยามค่ำคืนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น✨
เคล็ดลับจาก Klook: การเดินทางจากฮากาตะไปยังนางาซากิจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงโดยรถไฟด่วนพิเศษคาโมเมะ (ครอบคลุมด้วยบัตร JR Kyushu Pass) หากคุณต้องการเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ของทะเลอาริอาเกะ แนะนำให้จองที่นั่งทางซ้ายมือของรถไฟ!
สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่แนะนำให้เที่ยวชมในนางาซากิ:
- สวนสันติภาพนางาซากิ (Nagasaki Peace Park)
- พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณู (Atomic Bomb Museum)
- พิพิธภัณฑ์ศิลปะประจำจังหวัดนางาซากิ (Nagasaki Prefectural Art Museum)
- โบสถ์อุราคามิ (Urakami Cathedral)
- นางาซากิไชน่าทาวน์ (Nagasaki Chinatown) ลิ้มลองอาหาร และสตรีทฟู้ด เช่น ลูกงาซาระอุด้ง และซาลาเปาแบบจีน!)
- สวนสาธารณะอินาสะยามะ (Inasa-yama Park)
- พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำนกเพนกวินนางาซากิ (Nagasaki Penguin Aquarium)
- นางาซากิไบโอพาร์ค (Nagasaki Bio Park)
หากต้องการชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเมือง ขอแนะนำให้เดินทางไปยังยอดเขาอินาสะ (Mount Inasa) ของนางาซากิ ซึ่งมีกระเช้าลอยฟ้าที่ขึ้นไปยังยอดเขา หรือสามารถเลือกเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวก็ได้เช่นกัน จุชมวิวบนยอดเขาที่สามารถชมวิวทิวทัศน์สุดตระการตาของนางาซากิได้แบบพาโนราม่า ซึ่งได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 3 ของวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น
หากคุณกำลังมองหาสถานที่รับประทานอาหารค่ำในนางาซากิ ขอแนะนร้านอาหารส่วนตัวที่ Yossou ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ดำเนินกิจการแบบครอบครัวที่มีอายุ 150 ปีในเมืองนี้ Yossou ได้รับการยกย่องว่าเป็นร้านอาหารสุดพิเศษที่มีเมนู ไข่ตุ๋น (Chawanmushi) แห่งแรกในญี่ปุ่น ไข่ตุ๋น (Chawanmushi) ที่ Yossou แตกต่างจากที่อื่น ตรงที่จะเสิร์ฟในชามขนาดใหญ่และนึ่งด้วยส่วนผสม 9 อย่าง - ไก่ เห็ดหอม เห็ดคิคุราเกะ ปลาเนื้อขาว แปะก๊วย หน่อไม้ น้ำพริกเผา ปลาย่างปลาไหลและผงข้าวสาลี! ซึ่งสามารถเลือกชุดอาหารไข่ตุ๋น (Chawanmushi) หรือ ข้าวนึ่งซูชิ (Mushizushi) ที่มาพร้อมกับอาหารจานอร่อยที่หลากหลาย🍱
วันที่ 5: ล่องเรือชมเกาะแบทเทิลชิป หรือเที่ยวชม เฮาส์ เทน บอชในนางาซากิ
ตัวเลือกที่ 1
สำหรับวันที่ 5 หลังจากค้างคืนในเมืองนางาซากิหนึ่งคืน ขอแนะนำให้ออกไปล่องเรือชมเกาะแบทเทิลชิป หรือเกาะเรือรบ ที่รู้จักกันในชื่อ เกาะฮาชิมะ หรือกุนคันจิมะ ที่เป็นเกาะร้างเล็กๆ ที่ตั้งอยู่นอกชายฝั่งนางาซากิ ห่างจากใจกลางเมืองเพียง 15 กิโลเมตร หากคุณชื่นชอบสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์อันเป็นเอกลักษณ์ คุณจะต้องทึ่งกับเกาะแบทเทิลชิปอย่างแน่นอน
เกาะแห่งนี้เป็นที่รู้จักในฐานะฐานปฏิบัติการเหมืองถ่านหินใต้ทะเล และได้รับสถานะเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 2015 การล่องเรือเพื่อไปที่เกาะนั่น คุณจะได้เดินเล่นผ่านซากปรักหักพังอันน่าสยอง อาคารร้าง และกำแพงกันคลื่นคอนกรีตที่มีไว้คุ้มครองเกาะมาเป็นเวลากว่าร้อยปี
ตัวเลือกที่ 2
หากการสำรวจซากปรักหักพังของเกาะร้างไม่ใช่สไตล์ที่คุณชื่นชอบ ขอแนะนำสถานที่ที่มีชีวิตชีวา อ่อนโยนและสนุกสนานยิ่งขึ้นในนางาซากิ นั้นคือ เฮาส์ เทน บอช (Huis Ten Bosch) สวนสนุกรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประเพณีของชาวดัตช์และชาวยุโรปในศตวรรษที่ 17 ตั้งอยู่ในเมืองซาเซโบ จังหวัดนางาซากิ! ซึ่งภายในประกอบไปด้วยอาคารดัตช์เก่า คลอง กังหันลม เครื่องเล่นสวนสนุก และสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยดอกไม้ตามฤดูกาลที่จะทำให้คุณประทับใจอย่างแน่นอน
เฮาส์ เทน บอช (Huis Ten Bosch) มีความสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูกาลต่างๆ ของปี รวมถึงเทศกาลดอกไม้และการเฉลิมฉลองตามงานประจำปี นอกจากนี้ยังจะยิ่งตื่นตาตื่นใจในช่วงเวลากลางคืน เมื่อมีแสงไฟสว่างไสว ✨
เคล็ดลับจาก Klook: จองบัตรเข้าชมเฮาส์ เทน บอช (Huis Ten Bosch) ผ่าน Klookได้ง่ายๆ เพียงไม่กี่คลิก! นอกจาก บัตรเข้าชมแบบ 1 วัน ที่ใช้กันทั่วไป แล้วคุณยังสามารถเพลิดเพลินกับการประหยัดด้วยการจองบัตรเข้าชมแบบครึ่งวันได้อีกด้วย (สามารถเข้าได้ตั้งแต่ 15:00 - 17:00) ซึ่งบัตรมีราคาครึ่งนึงของบัตรเข้าชมแบบ 1 วัน #justklookit!
วันที่ 6: เที่ยวคุมาโมโตะฉบับ 1 วัน
- ระยะเวลาเดินทางจากฟุกุโอกะโดยรถไฟ: 2.5 ชั่วโมง
- เส้นทางการเดินทางครอบคลุมด้วยบัตร JR Kyushu Pass
เริ่มต้นวันใหม่ตั้งแต่เช้าด้วยการขึ้นรถไฟไปยังคุมาโมโตะ (Kumamoto) ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองฟุกุโอกะไม่เกิน 3 ชั่วโมง หากคุณกลัวที่จะหิวระหว่างนั่งรถไฟ แนะนำให้ลองหาของว่างจากร้านสะดวกซื้อ หรือ เอกิเบน (เบนโตะบนรถไฟ) เพื่อนั่งทานบนรถไฟสไตล์ญี่ปุ่น ✨
คุมาโมโตะเป็นเมืองสำคัญในคิวชู เป็นที่รู้จักมากที่สุดจากปราสาทคุมาโมโตะที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในปราสาทที่ใหญ่ที่สุด และสมบูรณ์ที่สุดในญี่ปุ่น สถานที่อื่นๆ ที่ขึ้นชื่อของเมือง: ภูเขาอะโสะ (ภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น), คุโรคาวะออนเซ็น (เมืองออนเซ็นที่สวยงามราวภาพวาดที่เต็มไปด้วยโรงอาบน้ำสาธารณะ และเรียวกัง) และมาสคอตของหมีคุมะมงที่น่ารัก! 🐻
ก่อนเดินทางกลับฟุกุโอกะ ลองรับประทานอาหารเย็นแสนอร่อยที่ร้าน Katsuretsutei Shinshigai Honten เพื่อปิดท้ายวันของคุณด้วย ร้านอาหาร ทงคัตสึ (หมูทอด) แห่งนี้ในคุมาโมโตะ ซึ่งได้รับรางวัลดาวมิชลิน และติดอันดับยอดนิยมจากทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว หรือจะพบร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารจานพิเศษของคุมาโมโตะ เช่น ซาซิมิเนื้อม้า (เห็นได้ชัดว่าเป็นอาหารท้องถิ่นที่คุ้มค่าแก่การลองทาน หากคุณชื่นชอบความแปลกใหม่มากพอ!) ไทเปียน (คุมาโมโตะและซุปวุ้นเส้นฟิวชั่นแบบจีน) หรือคุมาโมโตะราเมน (ทงคัตสึราเมน)
วันที่ 7: ปิดท้ายทริปที่ฟุกุโอกะ
- ระยะเวลาเดินทางจากฟุกุโอกะโดยรถไฟ: 50 นาที
- เส้นทางการเดินทางครอบคลุมด้วยบัตร JR Kyushu Pass
ใช้เวลาในวันสุดท้ายของคุณ ด้วยการพักผ่อน และเพลิดเพลินไปกับเมืองฟุกุโอกะ! หากคุณต้องการออกไปนอกใจกลางเมือง ขอแนะนำให้นั่งรถไฟไปยังยานากาวะเมืองที่มีเสน่ห์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองเวนิสแห่งคิวชู ยานากาวะอยู่ห่างจากฮากาตะไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงโดยรถไฟ และมีชื่อเสียงในเรื่องแม่น้ำที่คดเคี้ยว และคลองหลายสายที่สร้างขึ้น เพื่อปกป้องปราสาทของเมืองจากผู้บุกรุก วิธีที่ดีที่สุดในการสัมผัสความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ของยานากาวะคือการล่องเรือในแม่น้ำยานากาวะ
ล่องเรือไปตามแม่น้ำยานากาวะอันโด่งดังบนเรือ 'ดอนโกะ' ที่มีรูปร่างเหมือนกอนโดลาแบบดั้งเดิม และชมสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นที่ประกอบด้วยโกดังเก็บของช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ขณะล่องไปตามน้ำฃยังสามารถชมดอกไม้ตามฤดูกาลได้ที่ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่คุณเดินทาง ซึ่งจะสวยงามเป็นพิเศษในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง!
ถึงเวลาบอกลาคิวชู!
เชื่อว่าเวลา 7 วันนั้นยังไม่เพียงพอสำหรับการเดินทางสำรวจทุกสิ่งในภูมิภาคที่สวยงามแห่งนี้ แต่คุณจะสามารถเที่ยวชมได้ครอบคลุมพื้นที่ได้ไม่น้อยเช่นกัน หากคุณวางแผนการเดินทางอย่างรอบคอบ✨ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องแน่ใจว่าคุณมีบัตรโดยสารที่จะช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องเปลืองเงินในกระเป๋าสตางค์ บัตรโดยสารยอดนิยมที่จะแนะนำคือบัตร JR Kyushu Pass ซึ่งเปิดให้จองในราคาเริ่ม ต้นที่ 2,383 บาทบน Klook
เพื่อเพลิดเพลินไปกับการนั่งรถไฟแบบไม่จำกัดเที่ยว และเดินทางไปเหนือ ใต้ หรือทั่วคิวชูตลอดระยะเวลาที่คุณต้องการตั้งแต่ 3, 5 หรือ 7 วันด้วยบัตร JR Kyushu Pass แสนสะดวก! ก่อนตัดสินใจที่จะซื้อ บัตร JR Kyushu Pass ใดๆ แนะนำให้ตรวจสอบเส้นทางที่ครอบคลุมของบัตรที่นี่
🍣 สิ่งจำเป็นของญี่ปุ่น🍣
🚅รถไฟและบริการรับส่งสนามบิน
📌ข้อมูลมือถือและบัตรโดยสารรถไฟใต้ดิน
🏯 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในญี่ปุ่น 🏯
ไม่พลาดทุกโปรเด็ด ติดตามคลูกได้ทุกช่องทาง
Facebook | @klookth 👉🏼 bit.ly/klookthfb
Instagram | @klooktravel_th 👉🏼 bit.ly/kookthig
Twitter | @klookth 👉🏼 bit.ly/klooktwitter
TikTok | @klookth 👉🏼 bit.ly/klookthtt
Youtube | @klookth 👉🏼 bit.ly/klookthyt
👤 สอบถามรายละเอียดก่อนจอง
Line Official Account | @klookth 👉🏼 bit.ly/klookthoa