แผนการเดินทางในโอซาก้าและคู่มือการเดินทางคันไซสำหรับนักเดินทางที่มาเป็นครั้งแรก✈️
คันไซเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสถานที่ทางประวัติศาสตร์ จุดชมธรรมชาติที่น่าทึ่ง และสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นเต้น เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ดีที่สุดในการดื่มด่ำกับความงามของญี่ปุ่น✨ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกที่จะมาท่องเที่ยวในโอซาก้าและสามารถเพลิดเพลินกับการเดินทางไปยังเมืองใกล้เคียง เช่น เกียวโต นารา และโกเบ ได้อย่างง่ายดาย
คุณสามารถจอง และสัมผัสกับสิ่งที่ดีที่สุด รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยว กิจกรรม บริการรถเช่า ซิมการ์ด และอื่นๆ อีกมากมายบน Klook สมัครตอนนี้เลย! 🧡
รับส่วนลด 10% สำหรับการจองแอปครั้งแรกของคุณเมื่อคุณใช้รหัสโปรโมชั่น <TH10APP> เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไข
หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเริ่มวางแผนการเดินทางอย่างไร เรามีแพลนเที่ยว 7 วันในโอซาก้า ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มาท่องเที่ยวในโอซาก้าและภูมิภาคคันไซเป็นครั้งแรก:
- วันที่ 1: เดินทางถึงสนามบินคันไซและเที่ยวชมเมืองโอซาก้า
- วันที่ 2: พักผ่อนในเมืองโอซาก้า
- วันที่ 3: เที่ยวสวนสนุกที่ Universal Studios Japan
- วันที่ 4: ทริปหนึ่งวันไปยังนารา
- วันที่ 5: เดย์ทริปไปคุราชิกิ โอคายาม่า และโกเบ
- วันที่ 6: พักค้างคืนในเกียวโต
- วันที่ 7: สำรวจเกียวโตและเดินทางกลับสนามบินคันไซ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งหมดและรับแรงบันดาลใจจากที่นี่ได้เลย!
เที่ยวโอซาก้าและภูมิภาคคันไซ
บอกตามตรงว่าการเดินทางทั่วภูมิภาคคันไซไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีบัตรผ่านท่องเที่ยวมากมายที่จะช่วยให้คุณเดินทางได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น หากคุณบินตรงไปยังสนามบินนานาชาติคันไซในโอซาก้า คุณสามารถใช้บริการรถด่วนสนามบินที่จะพาคุณตรงเข้าสู่ใจกลางเมืองโอซาก้าได้ดังต่อไปนี้:
- JR Haruka Airport Express : สนามบินคันไซไปยังสถานีชินโอซาก้า
- Nankai Line Airport Express : สนามบินคันไซถึงสถานีนัมบะ
ที่สถานีสนามบินคันไซคุณจะพบสำนักงานรถไฟและเครื่องจำหน่ายตั๋ว เพื่อแลกบัตร JR Pass ของคุณ สำหรับแผนการเดินทางนี้ เราขอแนะนำให้ใช้บัตร JR Kansai WIDE Area Pass เพื่อครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
หากคุณต้องการความยืดหยุ่นและราคาไม่แพง คุณสามารถเลือกรับบัตร ICOCA IC Card ที่เป็นบัตรเดินทางแบบครบวงจรสำหรับรถไฟ JR West และรถไฟใต้ดิน, รถไฟและรถบัสในพื้นที่คันไซ!
แพลนเที่ยวโอซาก้าและคันไซใน 7 วัน!
วันที่ 1: เที่ยวชมเมืองโอซาก้า
เพลิดเพลินกับการนั่งรถไฟและรถบัสท้องถิ่นได้ไม่จำกัด รวมถึงสิทธิ์เข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำกว่า 40 แห่งในโอซาก้าฟรีด้วยบัตร Osaka Amazing Pass! ซึ่งสามารถเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวได้หลายแห่งตามที่ระบุในบทความนี้ได้ฟรีด้วยบัตรผ่านแบบครบวงจรนี้
Osaka Castle
เริ่มต้นการผจญภัยในโอซาก้าของคุณ โดยมุ่งตรงไปยังสถานที่สำคัญที่โดดเด่นที่สุดของเมืองและเป็นสมบัติของชาตินั่นคือ ปราสาทโอซาก้าที่เก่าแก่และสง่างามแห่งนี้ ล้อมรอบด้วยกำแพงหินที่สวยงาม สวนที่สวยงาม คูน้ำ และประตูเมืองเป็นสถานที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ บริเวณปราสาท (สวนสาธารณะปราสาทโอซาก้า) จะสวยงามเป็นพิเศษในฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นช่วงที่ต้นซากุระบานสะพรั่ง!
คุณยังสามารถนั่งเรือโกซาบุเนะสบายๆ เป็นเวลา 20 นาทีไปรอบๆ ปราสาท เพื่อชมกำแพงหินอย่างใกล้ชิด และชมความงามของสวนสาธารณะที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล
#KlookTip: คุณสามารถเข้าปราสาทโอซาก้า (ราคาปกติ: 600 เยน) และนั่งเรือ Gozabune (ราคาปกติ: 1,500 เยน) ได้ฟรี ด้วยบัตร Osaka Amazing Pass
โอซาก้า อควาเรียม ไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan)
หากคุณชื่นชอบพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ต้องไม่พลาด Osaka Aquarium Kaiyukan ที่สวยงาม นี่คือหนึ่งในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในญี่ปุ่น และมีชื่อเสียงระดับโลกในด้านการจำลองมหาสมุทรแปซิฟิกที่มีชีวิตชีวาและสร้างสรรค์ นอกจากตู้ปลาที่มีขนาดใหญ่แล้ว จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้คือตู้ปลาเพดานทรงโดมขนาดใหญ่ที่ทำหน้าที่เป็นบ้านของฉลามวาฬ ซึ่งเป็นปลาสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
คุณจะได้พบกับสัตว์ทะเลกว่า 30,000 ตัวที่นี่ รวมถึงนาก สิงโตทะเล นกเพนกวิน โลมา ฉลาม ปลากระเบน และแมงกะพรุน หนึ่งในสิ่งที่น่ารักที่สุดก็คือ แมวน้ำตัวอ้วน!
ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซานขนาดยักษ์ (Tempozan Ferris Wheel)
เพียงไม่กี่ก้าวจากไคยูคังก็จะพบกับชิงช้าสวรรค์เท็มโปซานขนาดยักษ์ 🎡 ด้วยเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 เมตร ความสูง 112.5 เมตร และห้องโดยสารกว่า 60 ห้อง ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซานเป็นหนึ่งในชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สำหรับผู้ที่มีความกล้า แนะนำให้เลือกนั่งเรือกอนโดลาที่มีพื้นโปร่งใส! คุณสามารถนั่งชิงช้าสวรรค์เท็มโปซานได้ฟรี (ราคาปกติ: 800 เยน) หากคุณซื้อบัตร Osaka Amazing Pass
#KlookTip: สำหรับผู้ที่เดินทางพร้อมเด็กๆ ไม่ควรพลาด LEGOLAND Discovery Center Osaka ซึ่งอยู่ในอาคารเดียวกับชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน ค่าเข้าวันธรรมดา (ราคาปกติ: 2,800 เยน) ซึ่งรวมอยู่ในบัตร Osaka Amazing Pass ของคุณแล้ว
โดทงโบริ (Dotonbori)
คุณจะเหมือนมาไม่ถึงที่โอชาก้า หากคุณไม่ได้มาเดินเล่นในโดทงโบริสุดโด่งดัง เมืองโดทงโบริเป็นศูนย์กลางที่มีชีวิตชีวาของโอซาก้า และมีชื่อเสียงในด้านแสงไฟนีออนที่มีชีวิตชีวาและถนนที่เรียงรายไปด้วยร้านค้าและร้านอาหาร เพื่อเติมเต็มความฝันในการช้อปปิ้งและทานอาหารสุดแสนอร่อยของคุณ อย่าลืมถ่ายรูปเซลฟี่กับกูลิโกะแมนผู้โด่งดังที่นี่ด้วย!
#KlookTip: คุณสามารถเพลิดเพลินกับการล่องเรือแม่น้ำทมโบริฟรี (ราคาปกติ: 1,000 เยน) ด้วยบัตร Osaka Amazing Pass!
อย่าลืมมาที่นี่ขณะท้องว่าง เพื่อจะได้อิ่มอร่อยกับสตรีทฟู้ดญี่ปุ่นมากมาย เช่น ทาโกะยากิ เกี๊ยวซ่า และ โอโคโนมิยากิ !
วันที่ 2: พักผ่อนในเมืองโอซาก้า
ตลาดคุโรมงอิจิบะ (Kuromon Ichiba Market)
เพลิดเพลินไปกับวันที่สองของคุณในโอซาก้า โดยเลือกทำกิจกรรมอื่นๆ ในลิสต์ของคุณ ซึ่งเราขอแนะนำให้เริ่มต้นวันของคุณที่ตลาดคุโรมงอิจิบะ ซึ่งเป็นตลาดที่มีชีวิตชีวาที่เรียงรายไปด้วยแผงขายของกว่า 100 ร้าน คุณสามารถซื้ออาหารทะเล ผลไม้และผักสด ของที่ระลึก ขนมหวานแบบดั้งเดิม อาหารข้างทาง และอื่นๆ อีกมากมายได้จากที่นี่
ลองแวะมาทานอาหารริมทางเป็นอาหารเช้า! เมนูยอดนิยมของที่นี่ ได้แก่ ซูชิมากุโระสด ขาปูย่าง ยากิโทริ อูนิ ซูชิ หอยนางรมสด ทาโกะยากิ ข้าวปั้นโอนิกิริ และเนื้อเสียบไม้
โปเกมอน คาเฟ่ โอซาก้า (Pokemon Cafe Osaka)
หากคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของโปเกมอน คุณต้องไปเยี่ยมชม Osaka Pokemon Center ตั้งอยู่บนชั้น 9 ของ ห้างสรรพสินค้าไดมารุ ชินไซบาชิ (Daimaru Shinsaibashi) Pokemon Center Osaka DX มีสินค้าโปเกมอนให้เลือกมากมายที่แฟนๆ จะต้องคลั่งไคล้ ถัดจากนั้นคือคาเฟ่โปเกมอน ซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลินกับ อาหารและของหวานที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโปเกมอนสุดน่ารัก ที่ดูน่ารักเกินกว่าจะรับประทาน!
ตั้งแต่ข้าวไข่เจียวปิกาจูไปจนถึงเค้กช็อกโกแลตที่มีรูปร่างคล้ายโปเกบอลและกาแฟที่ราดด้วยลาเต้อาร์ตโปเกมอน เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่ไหน พิคาจูจะปรากฏตัวเป็นพิเศษระหว่างมื้ออาหารของคุณ ดังนั้นอย่ารีบทานจนเกินไป!
#KlookTip: อย่าลืมทำการจองที่นี่ เนื่องจากคาเฟ่แห่งนี้ได้รับความนิยมและถูกจองเต็มบ่อยครั้งในช่วงที่มีสล็อตเปิดให้บริการ
โซลานิวะออนเซ็น (Solaniwa Onsen)
อิ่มท้องแล้ว มาผ่อนคลายสไตล์ญี่ปุ่นกันหน่อย มุ่งหน้าไปยังโซลานิวะออนเซ็นที่โอซาก้าเบย์ทาวเวอร์ ที่นี่คุณจะได้เพลิดเพลินกับห้องอาบน้ำทั้ง 9 ประเภท รวมถึงอ่างอาบน้ำกลางแจ้งที่ประกอบด้วยน้ำพุร้อนบริสุทธิ์จากความลึก 1,000 เมตรใต้พื้นผิวโลก!
นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีสวนบนชั้นดาดฟ้าสไตล์ญี่ปุ่นที่กว้างขวาง ซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลินกับการแช่เท้าในชุดยูกาตะที่มีสไตล์ ในขณะที่คุณจ้องมองต้นไม้และดอกไม้ตามฤดูกาลในบริเวณรอบๆ ! สวนออนเซ็นแห่งนี้ยังมีซาวน่าหินทั้งหมด 7 ห้อง ร้านอาหาร พื้นที่เล่นเกม และแม้แต่ลานเบียร์!
สำหรับผู้ที่เขินอายหรือชอบความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น ก็สามารถอัพเกรดเป็นห้องส่วนตัวที่มาพร้อมกับออนเซ็น ห้องอาบน้ำส่วนตัว และแม้กระทั่งโซฟาและทีวีเพื่อการพักผ่อน ห้องส่วนตัวที่สามารถรองรับได้ถึง 4 คน ซึ่งมีราคาอยู่ที่ 7,700 เยนเป็นเวลา 2 ชั่วโมง
#KlookTip: เป็นเรื่องปกติในญี่ปุ่นที่ผู้ที่มีรอยสักอาจถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าออนเซ็น แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะโซลานิวะออนเซ็นขายแผ่นแปะผิวหนังที่เคาน์เตอร์เพื่อให้คุณปกปิดรอยสักได้
สไลเดอร์ที่หอคอยชินเซไกและซึเทนคาคุ (Shinsekai & Tsutenkaku Tower Slider)
หลังจากผ่อนคลายแล้ว นั่งรถไฟใต้ดิน 20 นาทีไปยังชินเซไก ย่านใจกลางเมืองย้อนยุคที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของโอซาก้า ชินเซไกเป็นที่ชื่นชอบเพราะความมีเสน่ห์ของเมืองเก่าและสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่น รวมถึงหอคอยซึเทนคาคุ (ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รู้จักในนามหอไอเฟลแห่งโอซาก้า)
คนส่วนใหญ่มาที่นี่เพราะร้านอาหารเก่าแก่และผับสไตล์ญี่ปุ่นราคาถูก บริเวณนี้จึงเป็นที่นิยมสำหรับร้านอาหารที่เสิร์ฟ คุชิคัตสึ (เนื้อและผักเสียบไม้ทอด) ซึ่งเป็นหนึ่งในอาหารพื้นเมืองของโอซาก้า!
ขณะที่คุณอยู่ที่นั่น อย่าพลาดเครื่องเล่น Tsutenkaku Tower Slider เครื่องเล่นใหม่! เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับความตื่นเต้นในชีวิต ในขณะที่คุณไถลลงไปจากความสูง 60 เมตรในเวลาเพียง 10 วินาที! คุณสามารถนั่ง Tsutenkaku Tower Slider (ราคาปกติ 1,000 เยน) ได้ฟรีในวันธรรมดาด้วยบัตร Osaka Amazing Pass
อาคารอุเมดะสกาย (Umeda Sky Building)
ไม่มีสถานที่ใดที่จะดีไปกว่าการชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนในโอซาก้า 🌃✨ หลังอาหารเย็น มุ่งหน้าไปยังอาคารอุเมดะสกาย หนึ่งในตึกระฟ้าที่สูงที่สุดและโดดเด่นที่สุดในโอซาก้า จุดขมวิวคูจูเทเอ็นที่มอบวิวทิวทัศน์เส้นขอบฟ้าของเมืองแบบไร้สิ่งบดบังจากหอดูดาวสกายการ์เด้น เวลาที่ดีที่สุดที่ควรไปเยี่ยมขมคือ ช่วงพระอาทิตย์ตกดินหรือหลังจากแสงไฟในเมืองสว่างขึ้นในตอนกลางคืน
#KlookTip: คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเข้าชมจุดชมวิวคูจูเทเอ็นได้ฟรี (ราคาปกติ: 1,500 เยน) ก่อน 15.00 น. ด้วยบัตร Osaka Amazing Pass!
วันที่ 3: เที่ยวสวนสนุกที่ Universal Studios Japan
พาตัวเองไปยังสถานที่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโอซาก้าในวันที่สามกันได้เลย! ตั้งแต่โลกแห่งเวทมนตร์ของ Harry Potter ไปจนถึง Super Nintendo World ที่เพิ่งเปิดใหม่ Universal Studios Japan เป็นสถานที่ที่ต้องไปเยี่ยมชมในโอซาก้าหากคุณชื่นชอบในสวนสนุก!
นอกจากพื้นที่ที่จัดไว้สำหรับสตูดิโอคลาสสิกอย่าง Harry Potter, Jurassic Park และ Minions แล้ว สวนสนุกระดับโลกแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของธีมพิเศษต่างๆ (หลายแห่งเป็นการแสดงของ อะนิเมะ ชื่อดัง !) ซึ่งสามารถพบได้ในญี่ปุ่นเท่านั้น
#KlookTip: ตอนนี้คุณรู้แล้วว่ามีอะไรรอคุณอยู่บ้าง เมื่อมาเยี่ยมชมสวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน เราขอแนะนำให้ซื้อบัตร Universal Express Pass เพื่อที่คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่คุ้มค่าที่สุดโดยไม่ต้องต่อคิวเพื่อเล่นเครื่องเล่นยอดนิยมเหล่านี้!
สำรวจฮิโรชิม่า
กำลังเดินทางผ่านโอซาก้าและเกียวโตใช่ไหม? อย่าพลาดเมืองแห่งความทรงจำอย่างฮิโรชิม่า! สำรวจอดีตและประวัติศาสตร์ พร้อมเดินเล่นในสวนที่ประดับประดาไปด้วยดอกซากุระ และลิ้มลองโอโคโนมิยากิในตำนานของญี่ปุ่น!
วันที่ 4: ทริปหนึ่งวันไปยังนารา
หลังจากสำรวจเมืองโอซาก้าเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาออกเดินทางกันต่อ! ก่อนอื่นเราจะเดินทางไปทางทิศตะวันออกไปยังนาราซึ่งใช้เวลานั่งรถไฟ 50 นาทีจากสถานี JR นัมบะ โดยใช้บัตร JR Kansai WIDE Area Pass
อุทยานกวางนารา (Nara Deer Park)
ใช้เวลาเดินเพียง 20 นาทีจากสถานี JR นาระ คุณจะพบกับสวนนารอันโด่งดัง ซึ่งมีกวางป่าเดินเตร่อย่างอิสระและโค้งคำนับ เพื่อแลกแครกเกอร์จากนักท่องเที่ยว คุณจะพบแผงขายชิกะเซมเบ้ (แครกเกอร์กวาง) อยู่ทั่วไป ราคาแผงละ 200 เยน
#KlookTip: กวางบางตัวอาจจะกัดเสื้อผ้าของคุณได้ ดังนั้นควรสวมเสื้อผ้าที่คุณสามารถทำเปื้อนหรือสกปรกได้
วัดโทไดจิ (Todaiji Temple)
เมืองนี้อาจมีขนาดเล็กแต่ก็อัดแน่นไปด้วยสมบัติทางวัฒนธรรม รวมถึงวัดที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สิ่งที่คุณไม่ควรพลาดคือโทไดจิ (หรือที่รู้จักกันในชื่อวัดตะวันออกอันยิ่งใหญ่)
หอพระใหญ่หรือห้องโถงหลักของวัดโทไดจิเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ผู้คนจำนวนมากเดินทางมาจากทั่วทั้งญี่ปุ่นและทั่วโลก เพื่อเยี่ยมชมวัดพร้อมสักการะและแสดงความเคารพทุกปี
ถนนช้อปปิ้งฮิกาชิมูกิ (Higashimuki Shopping Street)
หลังจากเดินกันจนทั่วแล้ว ก็ถึงเวลารับประทานอาหารกลางวัน! มีร้านอาหารชื่อดังมากมายรอบๆ สวนนารา หรือคุณสามารถเดินไปที่ถนนช้อปปิ้งฮิกาชิมูกิ ซึ่งอยู่ติดกับสถานีคินเท็ตสึนาราก็ได้ คุณยังสามารถเลือกซื้อของที่ระลึกอันเป็นเอกลักษณ์ของนาราได้ที่นี่ รวมถึงของว่างและของที่เกี่ยวข้องกับกวาง!
สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่ไม่ควรพลาดเมื่ออยู่ในนารา:
- วัดโฮริวจิ
- สวนอิซุยเอน
- สวนโยชิคิเอ็ง
สวนพฤกษศาสตร์ teamLab โอซาก้า (teamLab Botanical Garden Osaka)
หากคุณเดินทางกลับโอซาก้าในช่วงตอนเย็น แนะนำให้เดินทางไปที่ teamLab Botanical Garden Osaka นิทรรศการกลางแจ้งที่คุณไม่ควรพลาด หากงานศิลปะแบบอินเทอร์แอคทีฟฟังดูแล้วน่าตื่นเต้นสำหรับคุณ โดยพื้นที่ทั้งหมดเป็นสวนพฤกษศาสตร์ในตอนกลางวัน และเป็นพื้นที่ศิลปะในตอนกลางคืน
พื้นที่นี้เปลี่ยนแปลงและโต้ตอบเมื่อโดนลม ฝน พฤติกรรมของผู้คนและสภาพแวดล้อม ที่นี่มีงานศิลปะทั้งหมด 14 ชิ้นและบางชิ้นก็สามารถโต้ตอบได้ด้วย!
ประสบการณ์ทั้งหมดนี้เกิดจากโปรเจ็กต์ศิลปะ Digitized Nature ของ teamLab ซึ่งเป็นการสำรวจว่าธรรมชาตินั้นจะกลายเป็นงานศิลปะได้อย่างไร
วันที่ 5: เดย์ทริปไปคุราชิกิ โอคายาม่า และโกเบ
เริ่มต้นวันใหม่อย่างสดใสแต่เช้าด้วยการมุ่งหน้าไปทางตะวันตกไปยังเมืองประวัติศาสตร์คุราชิกิ โดยจะนั่งรถไฟซันโยชินคันเซ็น จากสถานีชินโอซาก้าไปยังโอคายามะ ก่อนที่จะเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟด่วน ซึ่งการเดินทางนี้ครอบคลุมด้วยบัตร JR Kansai WIDE Area Pass ที่ทำให้เวลาในการเดินทางลดลงครึ่งหนึ่งเหลือเพียง 1.5 ชั่วโมงเท่านั้น นอกจากนี้ยังทำให้การเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับนั้นเป็นไปได้อีกเช่นกัน
คุราชิกิ (Kurashiki)
คุราชิกิมีชื่อเสียงจากบริเวณคลองที่มีอายุย้อนไปถึงปี 1600 ใช้เวลาเดินจากสถานีคุราชิกิเพียง 10 นาที สะพานหินและต้นหลิวที่เรียงรายอยู่ริมคลองทำให้เกิดวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
นอกจากนี้ยังมีโกดังแบบดั้งเดิมหลายแห่งรอบๆ บริเวณนี้ที่ถูกดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านค้า และร้านกาแฟ หนึ่งในนี้มีชื่อเสียงที่สุดคือพิพิธภัณฑ์โอฮาระ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งแรกของญี่ปุ่น
ใช้เวลาเดินสำรวจตามถนนเพื่อค้นพบสิ่งที่ซ่อนอยู่มากมาย นอกจากร้านค้าที่ขายเทปวาชิแล้ว ยังมีร้านบูติกอีกมากมาย นอกจานี้แนะนำให้ลองชิมของว่างที่น่าสนใจ เช่น ซอฟต์ครีมซอสหอยนางรม เค้กปลาแฮนด์เมด และร้านกาแฟที่คั่วเมล็ดกาแฟเอง
โอคายาม่า (Okayama)
จุดมุ่งหมายต่อไป เราจะมุ่งหน้าไปยังโอคายามะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทโอคายามะที่มีการตกแต่งภายนอกด้วยสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ โดยเพิ่งได้รับการปรับปรุงใหม่และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอีกครั้งในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมา
หากคุณมีเวลาเหลือ ขอแนะนำให้อยู่จนถึงช่วงเย็นเพื่อชมแสงไฟที่ปราสาท ซึ่งจะสวยงามเป็นพิเศษเมื่อใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วงบานสะพรั่งเต็มที่ คุณสามารถใช้เวลาที่สตูดิโอเครื่องปั้นดินเผาบิเซ็นยากิ เพื่อลองเรียนการทำเครื่องปั้นดินเผาด้วยตนเอง
คุณยังสามารถข้ามแม่น้ำอาซาฮีไปยังสวนโคระคุเอ็ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสวนภูมิทัศน์ที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่คุณจะได้พบกับสนามหญ้าอันเขียวชอุ่ม ทางเดิน และเนินเขาที่เป็นจุดชมวิวที่ยอดเยี่ยม
โกเบ (Kobe)
ขากลับโอซาก้าแนะนำให้เแวะพักที่โกเบ! โกเบตั้งอยู่บนท่าเรือที่สวยงาม มีสิ่งต่างๆ มากมายให้เลือกชม นอกเหนือจากเนื้อวัว เช่น สาเกญี่ปุ่น (มีโรงเบียร์และพิพิธภัณฑ์สาเกมากมายที่คุณสามารถเยี่ยมชมและร่วมทัวร์พร้อมไกด์ได้) จุดเดินป่า (ขึ้นกระเช้าชมวิวไปยังภูเขา) พระอาทิตย์ตกที่สวยงามของภูเขาร็อกโกะ และสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร (สวนอนุสรณ์ที่อุทิศให้กับแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งกระทบโกเบในปี 1995)
จบทริปในโกเบของคุณด้วยเนื้อโกเบสุดโด่งดังสำหรับมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น ร้านหนึ่งที่ขอแนะนำคือ สเต็กอาโอยามะ ซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลินกับเนื้อโกเบที่ละลายในปาก พร้อมการปรุงต่อหน้าบนเตาย่างเทปันยากิ
#KlookTip: อาหารชุดที่ร้านอาหารส่วนใหญ่มักจะมีราคาถูกกว่าในช่วงมื้อกลางวัน!
วันที่ 6: พักค้างคืนที่เกียวโต
เกียวโต เป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของญี่ปุ่นและมีวัดที่สวยงามและศาลเจ้าเก่าแก่มากมาย ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งอยู่เบื้องหลัง จากโอซาก้าคุณสามารถไปถึงที่นั่นได้อย่างง่ายดายโดยใช้สาย JR Kyoto หรือแม้แต่รถไฟด่วน JR Haruka ในเวลาประมาณ 30 นาที รถไฟทั้งสองประเภทครอบคลุมอยู่ใน JR Kansai WIDE Area Pass
หากคุณมีบัตร JR Pass ทั่วญี่ปุ่น คุณสามารถนั่งชินคันเซ็นจากโอซาก้าได้ โดยใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น! ไม่ต้องกังวลหากคุณไม่มีบัตร JR Pass คุณสามารถเลือกซื้อบัตร Kintetsu Rail Pass หรือบัตร Kansai Thru Pass ที่ถูกกว่า สำหรับการเดินทางไปยังเกียวโตได้เช่นกัน
เขตฮิกาชิยามะ (Higashiyama District)
สถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของเกียวโตคือ ฮิกาชิยามะ ซึ่งยังคงรักษารูปลักษณ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นไว้ ถนนที่นี่เรียงรายไปด้วยวัดและบ้านไม้ ซึ่งหลายแห่งได้กลายมาเป็นร้านค้าและร้านอาหาร แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มเดินทางสำรวจ คุณอาจต้องการเช่าชุดกิโมโนสำหรับการถ่ายภาพเช็คอินลง Instagram กันสักหน่อย
หากต้องการสำรวจพื้นที่ด้วยวิธีที่ไม่เหมือนใคร แนะนำให้ลองทัวร์รถลากแบบดั้งเดิมเอบิสึยะ ตลอดทัวร์ 1 ชั่วโมง ไกด์รถลากจะพาคุณไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ และแบ่งปันข้อมูลที่น่าสนใจมากมาย เป็นภาษาอังกฤษ! นอกจากนี้ยังแวะที่จุดที่สวยงามสักสองสามแห่ง เพื่อให้ได้ภาพเช็คอินลงโซเซียลที่ถ่ายโดยไกด์ลากรถของเรานั้นเอง!
หนึ่งในจุดที่ไกด์รถลากจะแวะคือ วัดยาซากะโคชินโด ซึ่งโด่งดังบนอินสตาแกรมจากลูกบอลสีสันสดใส คุณสามารถเขียนคำอธิษฐานลงบน คุคุริซารุ ซึ่งเป็นตัวแทนของลิงผู้ศรัทธา แล้วแขวนไว้เพื่อให้ความปรารถนาของคุณเป็นจริง!
หากคุณกำลังมองหาจุดแวะพัก คุณควรลองแวะไปที่ Kyoto Ninenzaka Yasaka Chaya ซึ่งเป็นร้านสตาร์บัคส์ ทาทามิ แห่งแรกของโลก และเป็นหนึ่งในสตาร์บัคส์ที่มีเอกลักษณ์มากที่สุดในโลก คุณสามารถมั่นใจได้เลยว่ามัทฉะลาเต้ของคุณจะรสชาติแตกต่างออกไปเมื่อมาทานที่นี่!
วัดคิโยมิสึเดระตั้งอยู่บนยอดเขา ซึ่งเป็นวัดที่เป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงจากต้นเชอร์รี่และต้นเมเปิลที่เปิดโอกาสให้คุณถ่ายภาพที่ดีที่สุดท่ามกลางเมืองเกียวโตแห่งนี้
#KlookTip: วัดคิโยมิซึเดระจะมีการประดับไฟในเวลากลางคืนในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีในเดือนพฤศจิกายน และช่วงซากุระบานประมาณเดือนเมษายน
ตลาดนิชิกิ (Nishiki Market)
หลังจากเดินเล่นมาจนทั่วแล้ว ไม่มีที่ไหนที่จะดีไปกว่าการเติมพลังที่ตลาดนิชิกิหรือที่รู้จักกันในชื่อ 'ครัวของเกียวโต' ถนนทั้งสายเรียงรายไปด้วยแผงขายของและร้านอาหารมากกว่า 100 ร้าน ซึ่งจำหน่ายทุกอย่างตั้งแต่อาหารทะเลสดไปจนถึงของว่างในท้องถิ่น รวมถึงผลิตผลสดและผักดองของเกียวโต
#KlookTip: ทานอาหารให้เรียบร้อยในแต่ละแผงก่อนที่จะย้ายไป เพราะคุณจะได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าของร้านในการทิ้งบรรจุภัณฑ์ที่ทานเสร็จแล้ว นอกจากนี้ยังมีป้ายเตือนมากมายที่เตือนไม่ให้คุณรับประทานอาหารขณะเดิน ซึ่งถือว่าไม่สุภาพในญี่ปุ่น
ไฮไลท์ของที่นี่คือทุกอย่างที่เป็นมัทฉะ รวมถึงเจลาโต้ที่มีความเข้มข้นต่างกัน คุณเลือกไอศกรีมมัทฉะที่ได้รับคะแนนสูงสุด (และแพงที่สุดด้วย) เพราะรับรองได้ว่ามันจะเป็น ไอศกรีมมัทฉะที่ดีที่สุด ที่คุณเคยกินมาในชีวิต!
ฟูชิมิ อินาริ ไทฉะ (Fushimi Inari Taisha)
หากมีศาลเจ้าแห่งหนึ่งที่คุณต้องไปเยี่ยมชมในเกียวโต ก็ต้องเป็น Fushimi Inari Taisha ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงจากประตูโทริอิสีแดงที่ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ของเกียวโต และเป็นหนึ่งในวัดหลายแห่งที่อุทิศให้กับอินาริ เทพเจ้าแห่งข้าวของชินโต นอกจากการบริจาคเงินเพื่อผลผลิตอันอุดมสมบูรณ์แล้ว ผู้ศรัทธายังมาที่นี่เพื่ออธิษฐานขอให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรืองและปกป้องบ้านและครอบครัวของพวกเขาด้วย
เส้นทางประตูโทริอิจะนำคุณขึ้นไปบนป่าไม้ของภูเขาอินาริ อาจใช้เวลาประมาณ 1 ถึง 2 ชั่วโมงในการไปถึงยอดเขา ขึ้นอยู่กับฝูงชนและความฟิตของคุณ
#KlookTip: หนึ่งในจุดชมพระอาทิตย์ตกที่ดีที่สุดที่เราพบคือ 'ตรงทางแยก' ซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 45 นาที
อุซุ ราเมนวีแกน เกียวโต (Vegan Ramen UZU Kyoto)
ตอนนี้คุณคงมีลิสต์ร้านราเมนมากมายในญี่ปุ่น แต่คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับราเมนมังสวิรัติบ้างไหม? ที่ Vegan Ramen UZU Kyoto มอบประสบการณ์มากกว่าแค่อาหารให้กับคุณ เพราะที่นี่คุณจะได้นั่งอยู่ที่โต๊ะสีดำขัดเงาในห้องที่ล้อมรอบด้วยกระจก ทั้งหมดนี้เป็นงานศิลปะ Reversible Rotation ของ teamLab ซึ่งจะวนเวียนอยู่บนจอ ทำให้เกิดภาพลวงตาว่าคุณถูกรายล้อมไปด้วยงานศิลปะ
ซุปราเมนของที่นี่เข้มข้นและมีรสชาติดี โดยมีให้เลือกหลายส่วนผสม เช่น มิโซะเผ็ด ซีอิ๊ว และแม้แต่ชาเขียว สิ่งที่คุณจะต้องชื่นชอบคือ ราเมนชาเขียวที่เข้ากับเมนูด้วยการผสมผสานความอูมามิที่เป็นเอกลักษณ์ของสาหร่ายทะเล เห็ดชิตาเกะ และชาเขียว
หากเหตุผลเหล่านี้ยังไม่เพียงพอที่จะโน้มน้าวใจคุณ ร้านอาหารที่มีเอกลักษณ์แห่งนี้ เพิ่งได้รับรางวัล Bib Gourmand ในมิชลิน ไกด์ เกียวโต โอซาก้า ประจำปี 2023!
#KlookTip: ราเมนมังสวิรัติอุซุ กำลังได้รับความนิยมทั้งในเกียวโตและโตเกียว และด้วยจำนวนที่จำกัด เราขอแนะนำให้คุณทำการจองก่อนเดินทางไปที่ร้าน!
วันที่ 7: วันสุดท้ายในเกียวโต
อาราชิยามะ (Arashiyama)
สถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของเกียวโตก็คือ ป่าไผ่อาราชิยามะ ใช้เวลาช่วงเช้าอันเงียบสงบที่นี่ซึ่งมีต้นไผ่สูงตระหง่านหลายร้อยต้นและเส้นทางที่สวยงาม ใช้เวลาเดินเพียง 30 นาที แต่สามารถอยู่ต่ออีกสักหน่อยเพื่อถ่ายรูปที่ตรอกไม้ไผ่และเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติ
#KlookTip: พยายามไปถึงให้เร็วที่สุดก่อนที่รถทัวร์จะมาถึงในเช้าวันต่อมา
จากป่าไผ่ มุ่งหน้าไปยังแม่น้ำโฮซูกาวะ ซึ่งคุณจะได้พบกับร้านกาแฟอาราบิก้าที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุด ซื้อกาแฟยามเช้าสักแก้วแล้วไปนั่งริมฝั่งแม่น้ำ เพื่อชมวิวทิวทัศน์ของสะพานโทเก็ตสึเคียว
คุณยังสามารถนั่งเรือชมวิวไปตามแม่น้ำโฮซูกาวะที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา ในแต่ละฤดูกาลภูเขาอาราชิยามะจะมีวิวทิวทัศน์ที่แตกต่างกันอย่างมาก ในขณะที่คนพายเรือของคุณล่องไปตามแม่น้ำ เตรียมกล้องของคุณให้พร้อมสำหรับเก็บภาพวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม!
รถไฟโรแมนติกซากาโนะ (Sagano Romantic Train)
ก่อนที่คุณจะไปเที่ยวเกียวโต อย่าพลาดรถไฟสายโรแมนติกซากาโนะที่สถานีอาราชิยามะ ซึ่งรถไฟชมวิวนี้จะพาคุณไปพบกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูซากุระ ซึ่งรับรองได้ว่าคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์สุดแสนวิเศษในญี่ปุ่นอย่างแน่นอน
มุ่งหน้ากลับโอซาก้า
หากการเดินทางของคุณสิ้นสุดลง คุณสามารถมุ่งหน้ากลับไปที่สถานีเกียวโต ซึ่งคุณสามารถนั่งรถไฟด่ว JR Haruka Express กลับไปยังโอซาก้า หรือแม้แต่สนามบินนานาชาติคันไซ หากคุณโชคดี คุณอาจได้นั่งรถไฟธีมเฮลโลคิตตี้ก็ได้!
แต่ถ้าคุณมีเวลามากขึ้นในการเดินทางสำรวจ ให้เลือกสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองประวัติศาสตร์อันมีเสน่ห์จากลิสต์นี้:
- เขตกิออน
- ศาลเจ้ายาซากะ
- สวนลิงอาราชิยามะ อิวาตายามะ
- ศาลเจ้าคิฟุเนะ
- ปราสาทนิโจ
ถ้าพร้อมแล้วเดินทางไปพิชิตคันไซกันได้เลย!
จองบัตรโดยสารประเภท JR Pass การเข้าพักในโรงแรม และบัตรเข้าชมผ่าน Klook เพื่อช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานและง่ายดายในคันไซกันได้เลย! เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพียงปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น!
🍣 สิ่งจำเป็นของญี่ปุ่น🍣
🚅รถไฟและบริการรับส่งสนามบิน
📌ข้อมูลมือถือและบัตรโดยสารรถไฟใต้ดิน
🏯 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในญี่ปุ่น 🏯
ไม่พลาดทุกโปรเด็ด ติดตามคลูกได้ทุกช่องทาง
Facebook | @klookth 👉🏼 bit.ly/klookthfb
Instagram | @klooktravel_th 👉🏼 bit.ly/kookthig
Twitter | @klookth 👉🏼 bit.ly/klooktwitter
TikTok | @klookth 👉🏼 bit.ly/klookthtt
Youtube | @klookth 👉🏼 bit.ly/klookthyt
👤 สอบถามรายละเอียดก่อนจอง
Line Official Account | @klookth 👉🏼 bit.ly/klookthoa