“ฉันจะเดินไปกับเธอ แม้ไม่รู้ว่ามันจะพาเราไปถึงไหน
แต่เราจะไปให้ไกลที่สุด”
– Encounter/2019
ประโยคสุดโรแมนติกจากซีรีส์เกาหลีเรื่องโปรดเรื่องใหม่อย่าง “Encounter หัวใจพบรัก” ทำให้คนที่ไม่เชื่อในเรื่องของความรักอย่างเรา กลับหันมาศรัทธาในสิ่งที่เรียกว่า “ความชัดเจน” ของความรักอีกครั้ง ในมุมมองของเรา เราคิดว่าความรักก็เปรียบได้เหมือนการเดินทาง ที่ไม่รู้ว่าปลายทางสุดท้ายจะไปจบลงที่ตรงไหน แต่เรื่องราวระหว่างทางต่างหากที่สุดท้ายแล้วจะกลายเปนความทรงจำดี ๆ ให้เราได้มองย้อนกลับไปแล้วอมยิ้มได้เสมอ
ซีรีส์เกาหลีแนวโรแมนติกเมโลดราม่าเรื่องนี้ เป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากเล่าถึง “เขาคนนั้น” กับสถานที่อันแสนโรแมนติกในความทรงจำ สถานที่ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรักซึ่งตั้งอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ และเชื่อว่าหลายคนที่เคยเดินทางไปเยือนจะต้องสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งความรัก ซึ่งที่นั่นก็คือ “คังวอนโด”
จังหวัดคังวอนโด ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงโซล เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่หากจะกล่าวว่าให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในฉากของซีรีส์ ก็ไม่ได้เกินความจริงไปนัก
ส่วนเรื่องของการเดินทาง เอาเข้าจริง ๆ ง่ายกว่าที่คิดเยอะ เพราะระบบรถไฟของเกาหลีใต้ค่อนข้างมีคุณภาพ เส้นทางก็เข้าใจง่าย แค่มีบัตร KR Pass ใบเดียวก็เที่ยวได้ทั่วแล้ว ขนาดเราเป็นนักหลงทางตัวยง แถมทริปนั้นยังเป็นการเดินทางครั้งแรกของทั้ง “เรา” และ “คุณ” อีกต่างหาก แต่ก็ไม่มีโมเมนต์หลงทางแบบกุ๊กกิ๊ก ๆ ให้ได้นึกถึงเลย คิดย้อนกลับไปก็แอบเสียดายเหมือนกัน
ความรักของเราจะสวยงามในทุกช่วงเวลาเหมือนฤดูกาลบนเกาะนามิ
ก่อนเดินทางไปเกาะนามิ ความจริงเราก็ทำการบ้านมาบ้างแล้วแหละว่าที่เกาะรูปพระจันทร์เสี้ยวแห่งนี้มันมีอะไรดีนักหนา ถึงคุณจะบ่นตลอดทางว่า “เกาะนามิเหรอ ใคร ๆ ก็ไปป่ะ” แต่เราก็ไม่ได้สนใจ ก็เพราะใคร ๆ ก็ไปไง เราถึงอยากรู้ว่ามันจะดี จะโรแมนติกแบบที่คนอื่น ๆ คอนเฟิร์มกันมาจริงหรือเปล่า
เรารู้สึกเหมือนกับเด็กนักเรียนที่เถียงชนะคุณครูทันทีที่เดินทางมาถึง เมื่อคุณพูดออกมาว่า “เออสวยจริงด้วย” ภาพของใบไม้สีส้มที่ร่วงโรยไปตามพื้น ทำให้เรารู้สึกทึ่งปนเศร้าเล็ก ๆ เพราะอีกไม่นานเกาะแห่งนี้ก็ต้องปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน ใบไม้คงร่วงโรยไม่เหลือสักใบตามกาลเวลา
แต่แล้วคุณกลับพูดขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้มว่า “รู้ไหม เกาะนามิฤดูหนาวสวยมากเลยนะ” ทำให้เราฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ต้นไม้เหล่านี้ก็เหมือนกับความรักของคนเรานั่นแหละ
ฤดูใบไม้ร่วงกับความรักที่ร่วงโรย
ด้วยความที่เกาะนามิแห่งนี้เต็มไปด้วยธรรมชาติ ทำให้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสีเป็นจำนวนมาก หากจะเปรียบความรักเหมือนกับฤดูใบไม้ร่วง เราคงจะนึกถึงความรักที่อิ่มตัว อยู่ในช่วงเวลาแห่งการประคับประคอง แต่ทุกคนก็ต่างรู้กันดีว่าอย่างไรก็ตาม ฤดูหนาวก็ต้องมาถึงสักวัน
ความขมขื่นในฤดูหนาว
หากจะให้เปรียบเทียบความรักในฤดูหนาว เราอยากเปรียบเทียบกับความเจ็บปวด หรือความสูญเสีย เหมือนกับต้นไม้ที่เหลือแต่กิ่งก้านสาขา แต่ในความเจ็บปวดนั้นยังคงความงามอยู่เสมอ เพราะรักจึงเจ็บปวด แต่คนเราต่างก็ต้องการความรักกันทั้งนั้น
ตอนนั้นจำได้ว่าเราอยากลองทำอะไรที่มันโรแมนติก ๆ แบบในซีรีส์เรื่อง Winter Sonata ดู เลยตัดสินใจไปเช่าจักรยานกัน คุณปั่นส่วนเราซ้อนท้าย แทนที่จะรู้สึกถึงความรักที่หวานชื่น เรากลับรู้สึกหนาว หนาวมาก ส่วนคุณคงรู้สึกทั้งหนาวและหนัก สุดท้ายกลายเรากลายเป็นคนปั่น ส่วนคุณเป็นคนซ้อน คิดแล้วก็ตลกดีเหมือนกัน
ฤดูใบไม้ผลิ กับความรักที่เบ่งบานอีกครั้ง
ฤดูใบไม้ผลิเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่ เป็นช่วงเวลาที่ความรักออกดอกงอกงาม ทำให้เรารู้ว่าต่อให้ฤดูหนาวจะหนาวสักแค่ไหน แต่วันหนึ่งฤดูใบไม้ผลิจะมาถึง เมื่อมองย้อนกลับไป ฤดูหนาวก็เป็นเพียงความทรงจำที่สวยงามที่ทำให้คุณรู้สึกดีกับฤดูใบไม้ผลิยิ่งกว่าเดิม
อยากให้คุณเป็นฤดูร้อนของเรา
แสงแดดอ่อน ๆ กับภาพใบไม้เขียวขจีสามารถทำให้เรารู้สึกดีได้เสมอ เหมือนกับความรักที่สุกงอม ผลิใบจนถึงขีดสุด เต็มไปด้วยความสดชื่นและความรู้สึกอบอุ่น แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราหลงระเริงจนลืมไปว่า ฤดูใบไม้ร่วงต้องมาถึงสักวัน
ความแน่นอนของความรักคือความรักเป็นสิ่งไม่แน่นอน แต่อย่างไรก็ตามความเจ็บปวดต่าง ๆ จะกลายเป็นเพียงอดีตอันน่าจดจำ ไม่ว่าจะร้ายหรือดี มันจะยังคงงดงามเสมอ เหมือนกับเกาะนามิที่สะท้อนความงดงามได้ในทุกฤดู
ขับเคลื่อนความรักไปพร้อม ๆ กันด้วยจักรยานรางรถไฟสายคังชอน
เราชอบโมเมนต์ของการได้พยายามทำอะไรสักอย่างร่วมกับคนรัก เพราะเชื่อว่าความยากลำบากต่าง ๆ จะก่อให้เกิดความรู้สึกพิเศษเสมอ ครั้งนี้เราจึงไม่พลาดที่จะเดินทางไปยังรางรถไฟสายคังชอน เพราะที่นี่มีกิจกรรมที่เราโมเมเอาเองว่าจะต้องช่วยกระชับความสัมพันธ์ของเราสองคนให้แน่นแฟ้นกว่าเดิมอย่างการปั่นจักรยานรางรถไฟที่สวนรถไฟคังชอน
ที่นี่มีจักรยานทั้งแบบนั่ง 2 คน และแบบนั่ง 4 คน แต่แบบนั่ง 2 คนจะมีน้อยกว่า โชคดีที่เราได้จักรยานแบบ 2 คน ระหว่างทางขนาบไปด้วยทุ่งหญ้าสีทองพร้อมวิวภูเขา เส้นทางไม่ชันมากแต่ด้วยระยะทางที่ค่อนข้างไกล ทำให้เราเผลอบ่นออกมาบ่อย ๆ ด้วยความเมื่อย แต่จะหยุดปั่นก็ไม่ได้ ต้องปั่นไปจนกว่าจะถึงจุดแวะพัก
สิ่งที่ดีที่สุดคือระหว่างทางเราสัมผัสได้ถึงความรู้สึกว่าโลกนี้มีแค่เราสองคน เป็นช่วงเวลาที่เหมือนเข็มนาฬิกาหยุดเดิน เหมือนเราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันจริง ๆ โดยไม่ต้องสนใจสิ่งอื่นรอบตัว เราชอบบทสนทนา เราชอบเสียงหัวเราะ เราชอบรอยยิ้มของคุณ เราชอบคุณและทุกอย่างที่เป็นคุณ
ความรักของเราก็เหมือนกับรางรถไฟ ไม่มีใครแซงหน้าใคร เราสามารถขับเคลื่อนความรักให้ไปถึงจุดหมายปลายทางได้พร้อม ๆ กัน
Ocean World ไทม์แมชชีนที่ทำให้เรากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
สวนน้ำ Ocean World ตั้งอยู่ใน Vivaldi Park Ski World เป็นสวนน้ำชื่อดังของเกาหลีภายใต้ธีมอียิปต์ ตกแต่งด้วยพีระมิดและสฟิงซ์ กับคอนเซ็ปต์ให้ที่นี่เป็นเหมือนโอเอซิสกลางทะเลทราย
เราเดินทางมาที่สวนน้ำ Ocean World ซึ่งตั้งอยู่ในพร้อมความรู้สึกโหยหาถึงความสนุกสนาน และความต้องการที่จะย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ซึ่งที่นี่ก็ไม่ทำให้เราผิดหวังเลย เพราะสวนน้ำแห่งนี้มีโซนต่าง ๆ ให้เราได้เลือกเล่น แต่ที่เราชอบที่สุดคือ Monster Blaster เครื่องเล่นสไลด์เดอร์ระยะทาง 300 เมตร บนความสูง 18 เมตร
แต่คงเพราะคุณเป็นคนขี้กลัว เลยไม่ค่อยชอบเล่นอะไรที่มันผาดโผน คุณเลยชวนเราไปแช่น้ำเล่นตรงโซนสระน้ำกลางแจ้งแทน เราสาดน้ำใส่คุณ คุณสาดน้ำใส่เรากลับ ก็สนุกดีเหมือนกัน ถึงจะต้องคอยหยิกเวลาที่หันไปเห็นสายตาของคุณที่เหล่มองบรรดานูน่าในชุดบิกินี่ก็ตาม
ขอให้ความรักครั้งนี้ยืนยาวเหมือนกับระยะทางบนสะพานแขวนโซกึมซาน
หลังจากการนั่งทำรีเสิร์ช และนำเสนอโปรเจกต์เที่ยวสะพานแขวนโซกึมซาน จนได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว เราสองคนก็เริ่มต้นออกเดินทางไปยังเมืองวอนจู เพื่อไปเดินเล่นบนสะพานแขวนโซกึมซาน สะพานซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในเกาหลีใต้
เราเริ่มต้นการเดินทางข้ามสะพานครั้งนี้พร้อมกับกลุ่มนักท่องเที่ยวอีกจำนวนมาก พร้อมเสียงบ่นของคุณว่า “ทำไมมันสูงอย่างนี้” ตลอดเวลา แต่สำหรับเรา ทิวทัศน์ที่ได้เห็นจากด้านบนมันช่างคุ้มค่าเอามาก ๆ โดยเฉพาะภาพของต้นไม้สีเขียวริมผาและสายน้ำสีฟ้าใสด้านล่าง รวมถึงสัมผัสของสายลมอ่อน ๆ ที่พัดมาปะทะร่าง เรายังจำทุกสิ่งได้ดี
ด้วยความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ เราก็ไม่รอช้ารีบยื่นกล้องถ่ายรูปให้กับคุณ คุณรับกล้องถ่ายรูปไว้อย่างเสียไม่ได้ ก็นะ คุณกลายเป็นคนไม่ชอบถ่ายรูปไปแล้วหลังจากที่ทุกครั้งที่คุณถ่ายรูปให้ ก็มักจะมีประโยคอย่าง “ทำไมถ่ายเราอ้วนอีกแล้ว” หรือ “มุมนี้เราไม่สวยเลย” หลุดออกมาจากเราเสมอ แต่คุณก็ต้องถ่ายให้เราทุกครั้ง
คำอธิษฐานกับหิมะแรกที่ยงเพียงสกีรีสอร์ท
“เห็นหิมะแรกไหม”
“เห็น”
ในเกาหลีมีความเชื่อว่าหากเราโดนถามว่าเห็นหิมะแรกไหม หมายถึงอีกฝ่ายกำลังขอความรัก หากตอบว่าเห็น นั่นก็หมายถึงการตอบรับคำบอกรักของอีกฝ่าย แต่คนอับโชคแบบเราไม่เคยมีโมเมนต์สวีทอะไรแบบนั้นหรอก เพราะตอนที่เดินทางไปยังยงเพียงสกีรีสอร์ท ก็ไม่ได้มีโอกาสเห็นหิมะแรกแบบคนอื่นเขา
ยงเพียงสกีรีสอร์ท เป็นพิกัดจัด โอลิมปิกฤดูหนาวในปี 2018 สำหรับเราที่เป็นมือใหม่ก็ทำรีเสิร์ชไปบ้างว่าควรไปช่วงไหน ส่วนใหญ่แล้วทุกคนก็จะแนะนำว่าให้ไปช่วงที่หิมะยังไม่หนามาก เวลาล้มจะได้ไม่เจ็บ ตอนเราเล่นสกีด้วยกันคุณดูมีความสุขมาก เราเองก็เช่นกันเพราะเรารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นท่ามกลางความหนาวเย็น ขอบคุณนะที่ช่วยประคับประคองเราตลอดเวลา
นอกจากความเชื่อเกี่ยวกับการบอกรักเมื่อเห็นหิมะแรกแล้ว ขาวเกาหลียังมีความเชื่อที่ว่า หากอธิษฐานความปรารถนากับหิมะแรก คำขอนั้นจะกลายเป็นความจริง ความรักมันช่างหอมหวานซะเหลือเกิน
นอกจากคุณแล้ว ก็มีแค่ต๊อกป๊อกกีนี่แหละที่เราตกหลุมรัก
ต้องยอมรับเลยว่าเราเป็นอีกคนที่ชื่นชอบซีรีส์เกาหลีเอามาก ๆ จำได้ว่าซีรีส์เรื่องแรกที่เราดูคือแดจังกึม เป็นซีรีส์ที่ทำให้เราหลงใหลไปกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวเกาหลีใต้ โดยเฉพาะชาววัง ที่สะท้อนผ่านอาหารที่ดูแล้วแทบจะน้ำลายหก
Source: Dae Jang Geum, MBC
อย่างที่มีคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า หากต้องการทำความรู้จักท้องถิ่นไหน ให้ลองเรียนรู้ผ่านอาหารดั้งเดิมของท้องถิ่นนั้น ๆ เราเลยพาคุณไปที่ศูนย์วัฒนธรรมอาหารเกาหลีจองคังวอน เพราะเราคิดว่าแค่ไปกินอาหารด้วยกันมันธรรมดาเกินไป เรามาลองทำอาหารด้วยกันดีกว่า
ซอนแซงนิมดูจะโล่งใจหลังจากการสอนทำเมนูโปรดของเราอย่างต๊อกป๊อกกีอันแสนทุลักทุเลสิ้นสุดลงเสียที คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะได้แลกกันชิมอาหาร เรารู้สึกลุ้นเหมือนกับเป็น Homecook ในรายการ Masterchef ขณะที่คุณลองชิมอาหารฝีมือเรา คุณเคี้ยวหมุบหมับด้วยสีหน้าที่เราเองก็อ่านไม่ออก
“ไม่ได้เรื่อง”
คำพูดแทงใจดำกระตุ้นให้ต่อมโมโหของเราให้ทำงาน ทันทีที่คุณเห็นว่าเราเริ่มจะโกรธ คุณก็รีบเปลี่ยนท่าทีแล้วบอกว่าล้อเล่นอย่างรวดเร็ว ไม่อร่อยก็ไม่เป็นไร เอาไว้เราทำให้กินใหม่แล้วกัน
หาดยองจินและคุณผู้เป็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายแห่งภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค
Source: Goblin, TVN
“กงยูหล่อกว่าเราตรงไหน” นี่คือคำถามที่คุณสงสัยและเฝ้าถามระหว่างทางไปยังหาดยองจิน สถานที่ถ่ายทำซีรีส์เกาหลีอันโด่งดังอย่าง Goblin แต่เราคิดว่าความเงียบคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
หาดยองจิน ตั้งอยู่ในเมืองกังเนือง เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่ทำให้เราสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งความรักตลอดเวลา เพราะหันไปทางไหนก็มีแต่บรรดาคู่รักที่เดินจูงมือ และถ่ายภาพเลียนแบบฉากดังในซีรีส์ Goblin ที่นำแสดงโดยกงยู หนุ่มผู้ซึ่งได้รับฉายาสุดอลังการจากบรรดาแฟนคลับชาวไทยว่าเป็น “ลมหายใจเฮือกสุดท้ายแห่งภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค”
ใกล้ ๆ กันยังมีป้ายรถเมล์ที่ใช้สำหรับการถ่ายทำ MV “You Never Walk Alone” ของหนุ่ม ๆ บังทันอีกด้วย คิดดูดี ๆ คนเกาหลีนี่ก็สร้างสรรค์เหมือนกันนะที่สามารถทำให้สถานที่ธรรมดา ๆ กลายเป็นสถานที่สุดพิเศษได้
ซอรัคซาน ส่วนเรารักคุณ
นอกจากเกาะนามิที่สามารถไปเที่ยวได้ทุกฤดูแล้ว อุทยานแห่งชาติซอรัคซานก็เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์ค ที่สวยงามจนได้รับชื่อเล่นว่าภูเขาสี่ฤดู หรือ สวิตเซอร์แลนด์แห่งเกาหลีใต้ แต่ฤดูที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดจะเป็นช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
พวกเราเดินทางขึ้นไปชมวิวจากบนยอดเขาโดยกระเช้าลอยฟ้า โดยไม่ลืมแวะสักการะขอพรกับพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่บริเวณทางขึ้นกระเช้า “ขออะไรเหรอ ขอถึงเราหรือเปล่า” คุณถามด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็น แต่เราไม่บอกคุณหรอก กลัวว่าบอกแล้วเราจะไม่สมหวังน่ะสิ
ระหว่างการนั่งกระเช้าคุณจับมือเราแน่นมาก ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าจะดีใจที่คุณจับมือเราไม่ปล่อยหรือสงสารดี เพราะไม่ว่าจะผ่านกิจกรรมผาดโผนมาเท่าไหร่ คุณก็ยังไม่สามารถทำใจให้ชินกับอาการกลัวความสูงได้เสียที
อย่างไรก็ตาม ภาพแนวหินผาจากมุมสูงและอากาศอันบริสุทธิ์ ก็เป็นอะไรที่คุ้มค่ากับการเดินทางครั้งนี้จริง ๆ
รู้ทันความรักผ่านวิถีแห่งเซนที่วัดนักซานซา
ไม่ไกลจากภูเขาซอรัคซาน ขึ้นไปทางตอนเหนือระหว่างเมืองยางยางและเมืองซกโช เป็นที่ตั้งของวัดอันโด่งดัง เพียบพร้อมไปด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรมดั้งเดิม ที่วัดนักซานซา
ความจริงเราไม่ใช่นักท่องเที่ยวสายมูเลยไม่ค่อยอินกับการเที่ยววัดทำบุญเท่าไหร่ แถมสถานที่ก็ดูไม่เห็นจะให้บรรยากาศโรแมนติกสำหรับคู่รักเลยสักนิด แต่พอบอกว่าวัดนี้เป็นวัดเซน เราก็เริ่มสนใจขึ้นมา อาจจะเพราะด้วยความรู้สึกส่วนตัวถึงความโรแมนติกในแนวคิดแบบเซนก็ได้
ภายในวัดมีรูปแกะสลักของพระโพธิสัตว์ที่ทำจากหินแกรนิตสีขาว ซึ่งถือว่าเป็นรูปปั้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในภาคตะวันออกของประเทศเกาหลี เดินเข้าไปเรื่อย ๆ เราสองคนก็พบกับระเบียงริมผา และวิวทิวทัศน์ของมหาสมุทร เนื่องจากวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับชายฝั่งทะเล ลมเย็น ๆ ปะทะกับใบหน้าจนผมของเราปลิวกระเซอะกระเซิง คุณหัวเราะด้วยความขบขัน พร้อมใช้หนังยางที่อยู่บนข้อมือรวบผมให้
นอกจากกินแล้ว เราก็ไม่เก่งอะไรอีกเลย
เลยขึ้นไปอีกนิดเข้าเขตเมืองซกโช เมืองที่ทำให้คุณยิ้มกว้างได้อีกครั้ง เพราะที่นี่คือสวรรค์สำหรับคนรักอาหารทะเล เนื่องจากเมืองซกโชอยู่ติดทะเล ทำให้วัตถุดิบที่นี่ทั้งสดใหม่และมีคุณภาพ พวกเราไม่รอช้า ก้าวขาฉับ ๆ ไม่มีใครรอใครเพื่อตรงไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกัน ตลาดท่องเที่ยวและประมงเมืองซกโช
ตลาดแห่งนี้มีทั้งหมด 3 ชั้น เรียงรายไปด้วยร้านค้ามากมาย ทั้งร้านขายของสด ไม่ว่าจะเป็นปลาหมึก, กุ้ง หรือปู รวมไปถึงร้านขายอาหาร โชคดีที่เราเป็นพวกลิ้นจระเข้ กินอะไรก็อร่อยไปหมด เราเลยเอ็นจอยกับบรรยากาศท้องถิ่นและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์แบบเต็ม ๆ อีกทั้งยังได้ฟีลเหมือนเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่มาช่วยกันเลือกซื้อของไปทำอาหารเย็นด้วยกันอีกต่างหาก
เมนูโปรดของเราคือโอชิงออซุนแด หรือไส้กรอกปลาหมึกยัดไส้ด้วยข้าวและวัตถุดิบอื่น ๆ กินกับน้ำจิ้มรสเด็ด แต่จริง ๆ ถ้าได้น้ำจิ้มซีฟู้ดสักถ้วยน่าจะอร่อยยิ่งกว่านี้ ส่วนเมนูโปรดของคุณเราจำได้ ตั๊กกังจอง ไก่ทอดซอสหวานกรอบ ๆ ที่ทำให้เราเผลอเหน็บไปว่า “ที่ทูดาริก็มีป่ะ” พลางหัวเราะกลบเกลื่อนเพราะยังไงก็ตาม
“เราจะเป็นเด็กอ้วนที่มีความสุขไปด้วยกัน”
บัตรโดยสาร KR Pass ผู้ช่วยที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้ลงเอยได้อย่างสวยงาม
การเดินทางในวันนั้นของเราทั้งสองคนคงจะยากลำบากกว่านี้ หากไม่มีตัวช่วยดี ๆ อย่างบัตรโดยสาร KR Pass สิ่งอำนวยความสะดวกที่ช่วยขจัดปัญหาในเรื่องของการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกอย่างการหลงทางให้หายไปได้ทันที
ข้อดีของบัตรโดยสาร KR Pass
- ครอบคลุมการเดินทางกว่า 80 เส้นทาง และ 600 สถานี
- มีบัตรให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบ 3 วัน หรือ 5 วัน, บัตรแบบยืดหยุ่น 2 วัน หรือ 4 วัน และบัตรแบบใช้งานติดต่อกัน
- มาพร้อมกับส่วนลดพิเศษสำหรับที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ
- สามารถสำรองที่นั่งออนไลน์ได้โดยไม่ต้องไปที่สถานีรถไฟด้วยตัวเอง
วิธีการแลกรับบัตรก็ง่ายดายและสะดวกมาก ตอนนั้นเราจองบัตร KR Pass ผ่านแอปพลิเคชั่น Klook พอได้รับการยืนยันการจองทางอีเมลแล้ว ก็แค่นำเวาเชอร์ที่ได้รับไปปริ้นท์ เท่านี้ก็สามารถเดินทางได้แบบคูล ๆ โดยไม่มีอะไรต้องกังวล บอกเลยว่าแค่มี Klook และมีคุณ เท่านี้เราก็อุ่นใจแล้ว