• ไปยังแอป
  • เลือกจุดหมายปลายทาง
  • โตเกียวสู่คาบสมุทรอิสุ: สำรวจคาบสมุทรอิสุบนรถไฟหรูซาฟีร์ โอโดริโกะ

    Klook Thailand
    Klook Thailand
    อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 2025
    izu train

    ทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับรถไฟซาฟีร์ โอโดริโกะ (Saphir Odoriko Train)

    คาบสมุทรอิสุ ประเทศญี่ปุ่น คืออัญมณีที่ซ่อนตัวอยู่ เต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงามและวัฒนธรรมอันหลากหลาย ตั้งแต่ชายฝั่งที่สวยงาม น้ำพุร้อนแสนผ่อนคลาย ไปจนถึงเทศกาลสุดคึกคักและแหล่งประวัติศาสตร์มากมาย ที่นี่มีเสน่ห์สำหรับทุกคน
    แต่การเดินทางไปยังคาบสมุทรอิสุนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของความสนุก โดยเฉพาะถ้าคุณได้นั่งรถไฟสุดหรู ซาฟีร์ โอโดริโกะ รถไฟพรีเมียมที่ผสมผสานความเร็วเข้ากับความสะดวกสบาย พร้อมทิวทัศน์ริมชายฝั่งญี่ปุ่นที่สวยงาม และหากโชคดียังสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วย!
    ไม่ว่าคุณจะเดินทางคนเดียวหรือมากับเพื่อนฝูง รถไฟซาฟีร์ โอโดริโกะก็มีที่นั่งให้เลือกหลายระดับ และสิ่งอำนวยความสะดวกบนขบวนมากมาย ที่จะทำให้การเดินทางของคุณเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ คู่มือรถไฟญี่ปุ่นฉบับนี้จะพาคุณไปรู้จักคุณสมบัติสำคัญ ค่าโดยสาร และเคล็ดลับดีๆ ที่คุณต้องรู้ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเดินทางสุดหรูนี้

    รู้จักรถไฟซาฟีร์ โอโดริโกะ

    東京觀光列車|踴子號 Saphir Odoriko
    Source: JR東日本|東京觀光列車 - 踴子號(Saphir Odoriko)
    รถไฟซาฟีร์ โอโดริโกะ (Saphir Odoriko) เป็นรถไฟด่วนพิเศษระดับหรู (Limited Express) ที่ให้บริการโดย JR East พร้อมที่นั่งระดับพรีเมียม และวิวธรรมชาติของคาบสมุทรอิสุที่สวยงามตลอดเส้นทาง
    เส้นทางรถไฟนี้วิ่งระหว่าง โตเกียว กับ อิซุคิว-ชิโมดะ โดยมีจุดแวะสำคัญอย่าง อาตามิ, อิโตะ และ อิสุโคเก็น
    ราคาตั๋วขึ้นอยู่กับประเภทที่นั่งที่เลือก โดยมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับค่ารถด่วนและที่นั่งระดับพรีเมียม ซึ่ง ไม่รวมอยู่ในบัตร JR Pass (JR Pass ครอบคลุมเฉพาะค่าโดยสารพื้นฐาน)

    รถไฟซาฟีร์ โอโดริโกะ คืออะไร?

    JR Odoriko Express
    Photo courtesy of JR East
    รถไฟ ซาฟีร์ โอโดริโกะ ไม่ใช่รถไฟชินคันเซ็น แต่เป็นรถไฟด่วนพิเศษที่ให้บริการโดย JR East ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเดินทางสุดหรู ด้วยดีไซน์ภายนอกสีน้ำเงินเข้มเงางาม ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากท้องทะเลและท้องฟ้าสีไพลินของคาบสมุทรอิสุ
    รถไฟขบวนนี้ออกแบบโดย เคน โอคุยามะ นักออกแบบชื่อดัง โดยถ่ายทอดความงามตามธรรมชาติของภูมิภาคนี้ไว้อย่างลงตัว ชื่อ “Saphir” มาจากภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ไพลิน สื่อถึงภารกิจของรถไฟขบวนนี้ ที่ต้องการสะท้อนความสดใสและเปล่งประกายของท้องฟ้าและทะเลแห่งอิสุ
    ผู้โดยสารสามารถเลือกที่นั่งระดับพรีเมียมได้ 3 ประเภท ได้แก่
    • Green Car
    • Green Car Private Compartment (ห้องส่วนตัว)
    • Premium Green Car
    นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายบนขบวน รวมถึง คาเฟ่บนรถไฟ สำหรับบริการอาหารและเครื่องดื่มระหว่างเดินทางอีกด้วย

    ประเภทที่นั่งและสิ่งอำนวยความสะดวกบนขบวน

    Premium Green Car (ตู้ที่ 1)

    green car
    เครดิต: JR East
    ซาฟีร์ โอโดริโกะ|ห้องโดยสารกรีนคาร์ระดับพรีเมียม ตู้หมายเลข 1 เป็นที่ตั้งของ Premium Green Car — มีเพียง 20 ที่นั่งเดี่ยว จัดเรียงเป็นแถวละ 2 ที่นั่ง สิ่งแรกที่คุณจะสังเกตได้ก็คือ หน้าต่างบานใหญ่ ที่เปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาอย่างเต็มที่ และยังมี ช่องรับแสงบนเพดาน (Skylight) เพิ่มความโปร่งสบายให้กับบรรยากาศในขบวน นอกจากนี้เพราะอยู่ที่ตู้หมายเลข 1 ผู้โดยสารยังสามารถชมวิวจาก ห้องควบคุมของหัวรถจักร ได้อีกด้วย
    green car
    Credit: JR East
    ตัวเบาะนั่งเองก็นับได้ว่าหรูหราสุดๆ สามารถ หมุนได้ เพื่อหันออกไปชมวิวริมหน้าต่าง หรือจะหันเข้าหาเพื่อนร่วมทางก็ทำได้ง่ายๆ นอกจากนี้ผู้โดยสารยังสามารถใช้ แผงควบคุมส่วนตัว เพื่อปรับเอนพนักพิงและยกที่วางเท้าได้ตามต้องการ ที่นั่งแต่ละตัวมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ได้แก่
    • ไฟอ่านหนังสือส่วนตัว
    • พอร์ตชาร์จ USB
    • ที่วางแก้วน้ำ
    • โต๊ะพับใช้งานส่วนตัว

    Green Car Private Compartments (ตู้ที่ 2 และ 3)

    東京觀光列車|踴子號 Saphir Odoriko
    Source: JR東日本|東京觀光列車 - 踴子號(Saphir Odoriko)
    สำหรับผู้ที่ต้องการการเดินทางแบบส่วนตัวและใกล้ชิดมากขึ้น Green Car Private Compartments ในตู้ที่ 2 และ 3 ถือว่าเหมาะมาก ห้องโดยสารแบบส่วนตัวนี้เหมาะสำหรับกลุ่มเล็กตั้งแต่ 1-4 คน หรือ 1-6 คน ให้บรรยากาศเหมือนนั่งเล่นในคาเฟ่ส่วนตัว ทั้งสะดวกสบายและอบอุ่นเหมาะกับการเดินทางพักผ่อนไปพร้อมๆ กัน

    Cafeteria (ตู้ที่ 4)

    cafeteria
    Credit: JR East
    Cafeteria บนขบวนนี้นำเสนอประสบการณ์รับประทานอาหารสุดพิเศษ ด้วย ครัวเปิด และเมนูที่รังสรรค์โดยเชฟชื่อดังจากร้านอาหารตลอดเส้นทางของรถไฟ คุณสามารถเพลิดเพลินกับอาหารคุณภาพระดับกูร์เมต์ อาทิ
    • สเต็กหมูชิ้นหนาโรยปลาโอแห้ง
    • สตูว์เห็ดชิซุโอกะปรุงรสด้วยเกลือทรัฟเฟิล
    เมนูมีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา ให้คุณได้ลิ้มลองเมนูใหม่ๆ อยู่เสมอ
    ข้อควรทราบ: แนะนำให้ จองล่วงหน้า สำหรับเมนูหลัก เพราะในแต่ละช่วงเวลาจะมีจำนวนจำกัด
    ผู้โดยสารสามารถ เลือกดูเมนู, ชำระเงิน และรับ QR Code สำหรับอาหาร ได้ง่ายๆ ผ่าน ระบบออนไลน์ Saphir Website (ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น) บนสมาร์ทโฟนของตัวเอง และหากต้องการความช่วยเหลือในการสั่งอาหาร สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่บนขบวนได้ตลอดเวลา
    saphir
    Credit: JR East

    การบริการอาหารและของว่างบนขบวน

    ผู้โดยสารที่เดินทางใน Premium Green Car (ตู้ที่ 1) และ Green Car (ตู้ที่ 5 ถึง 8) จะได้รับบริการ เมนูหลัก ที่ห้องอาหาร Cafeteria (ตู้ที่ 4) ส่วนผู้โดยสารใน Green Car Private Compartments (ตู้ที่ 2 และ 3) จะมี อาหารว่างและเครื่องดื่ม นำไปเสิร์ฟให้ถึงห้องโดยสารส่วนตัว
    นอกจากนี้ยังสามารถเลือกซื้อ ของว่าง บนขบวนได้ เช่น
    • ชีสวาซาบิอิสุ (Izu Wasabi Cheese)
    • ขนมปังภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji Bread)
    หรือ ของที่ระลึกเฉพาะของ Saphir Odoriko อาทิ
    • มัสตาร์ดดาชิมิยุ (Miyu Dashi Mustard)
    • กาแฟเบลนด์สูตรเฉพาะ Saphir Odoriko Original Blend Coffee

    Green Car (ตู้ที่ 5 ถึง 8)

    green car
    Credit: JR East
    ที่นั่ง Green Car ในตู้ที่ 5 ถึง 8 จัดเรียงแบบ 2 ที่นั่ง กับ 1 ที่นั่ง (2-1) พร้อมเบาะปรับเอนได้ และมี ช่องรับแสงบนเพดาน (Skylight) มอบความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง

    เส้นทางและตารางเวลาเดินรถ Saphir Odoriko

    JR east train
    Credit: JR East
    รถไฟ Saphir Odoriko ออกเดินทางจาก โตเกียว ไปสิ้นสุดที่ สถานี Izukyū-Shimoda ให้บริการวันละ 1-2 เที่ยว และจะมีรอบพิเศษเพิ่มเติมในช่วงฤดูท่องเที่ยวหรือเทศกาลต่างๆ
    หมายเหตุ: มีรถไฟ Saphir Odoriko ทั้งหมด 5 เที่ยว ซึ่งแต่ละเที่ยวจะจอดสถานีไม่เหมือนกัน และ ระยะเวลาเดินทางต่างกันประมาณ 30 นาที แต่ราคาตั๋วจะ เท่ากัน โดยใช้เวลาเดินทางจาก โตเกียวถึง Izukyū-Shimoda ประมาณ 2.5 ชั่วโมง เหมาะสำหรับทั้ง ทริปไปเช้าเย็นกลับ หรือ ทริปพักผ่อนสุดสัปดาห์

    สถานีสำคัญบนเส้นทาง Saphir Odoriko

    route
    Credit: JR East
    เมื่อรถไฟออกจาก โตเกียว จะหยุดจอดตามสถานีสำคัญหลายแห่งระหว่างทาง รวมถึง Atami, Itō และ Izu-Kōgen โดยแต่ละสถานีต่างมีเสน่ห์และสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแตกต่างกัน ทำให้การเดินทางในครั้งนี้สนุกไม่แพ้จุดหมายปลายทางเลย
    สถานีที่ขบวน Saphir Odoriko หยุดให้บริการ
    • Shinjuku
    • Shibuya
    • Tokyo
    • Shinagawa
    • Musashi-Kosugi
    • Yokohama
    • Atami
    • Itō
    • Izu-Kōgen
    • Izu-Atagawa
    • Izu-Inatori
    • Kawazu
    • Izukyu-Shimoda
    เส้นทางของ Saphir Odoriko เต็มไปด้วยสถานีโดดเด่นที่มีแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมเฉพาะตัว ซึ่งทำให้การเดินทางครั้งนี้มีความพิเศษและน่าจดจำ
    Atami Station สถานีอาตามิ เมืองตากอากาศริมทะเลชื่อดัง ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศเมืองออนเซ็นริมทะเล แช่น้ำแร่ผ่อนคลาย ชมงานศิลปะที่ MOA Museum of Art และชมวิวทะเลแบบพาโนรามาจาก กระเช้า Atami Ropeway
    Atami station
    Credit: LaChouettePhoto via Getty Images
    Ito Station ที่สถานีอิโตะ เมืองออนเซ็นริมทะเลเช่นกัน พร้อมวัดเก่าแก่ สวนพฤกษศาสตร์ และเทศกาลพื้นเมืองสุดคึกคัก Yukake Matsuri ซึ่งผู้คนจะสาดน้ำศักดิ์สิทธิ์ใส่กันเพื่อความเป็นสิริมงคล ใกล้ๆ กับ Ajiro Station ยังมีเรียวกังหรูพร้อมบ่อออนเซ็นกลางแจ้ง และเมนูอาหารญี่ปุ่นชั้นเลิศจากวัตถุดิบทะเลสดใหม่ตามฤดูกาล
    Ito Station
    Credit: Sean Pavone via Getty Images
    Izukyu-Shimoda Station สถานีปลายทาง Izukyu-Shimoda เมืองชายทะเลที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยเทศกาลดอกไฮเดรนเยีย Hydrangea Festival ประจำปี ซึ่งมีดอกไฮเดรนเยียกว่า 3 ล้านดอก บานสะพรั่งทั่วเมือง สร้างบรรยากาศสดใสและโรแมนติกสุดๆ
    ทุกสถานีตลอดเส้นทางนี้ ล้วนช่วยเติมเต็มให้การเดินทางครั้งนี้พิเศษยิ่งขึ้น ด้วยสถานที่ท่องเที่ยว ออนเซ็น วัฒนธรรม และธรรมชาติที่แตกต่างกันในแต่ละจุด

    ราคาตั๋วรถไฟ Saphir Odoriko

    ประเภทรถ

    ราคาตั๋ว

    ตู้ที่ 1 — Premium Green Car

    โตเกียว <=> อิโตะ: ¥8,740

    โตเกียว <=> อิซึคิวชิโมดะ: ¥12,460

    ตู้ที่ 2, 3 — Green Private Compartment (1-4 คน)

    โตเกียว <=> อิโตะ: ¥23,710 (3 คน) / ¥27,880 (4 คน)

    โตเกียว <=> อิซึคิวชิโมดะ: ¥33,880 (3 คน) / ¥40,240 (4 คน)

    ตู้ที่ 2, 3 — Green Private Compartment (1-6 คน)

    โตเกียว <=> อิโตะ: ¥33,480 (4 คน) / ¥41,820 (6 คน)

    โตเกียว <=> อิซึคิวชิโมดะ: ¥47,640 (4 คน) / ¥60,360 (6 คน)

    ตู้ที่ 5-8 — Green Car

    โตเกียว <=> อิโตะ: ¥6,970

    โตเกียว <=> อิซึคิวชิโมดะ: ¥10,060

    การจองตั๋วรถไฟ Saphir Odoriko

    การวางแผนเดินทางด้วย รถไฟ Saphir Odoriko นั้นง่ายและสะดวกมาก ตั๋วสามารถซื้อได้ที่ ตู้จำหน่ายตั๋วแบบสำรองที่นั่ง (Reserved Seat Ticket Vending Machines) หรือ เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว JR East (Midori-no-madoguchi) ตามสถานีรถไฟใหญ่ ๆ เช่น สถานีโตเกียว, สถานีอุเอโนะ และ สถานีชินจูกุ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจำนวนที่นั่งมีจำกัด อาจจะเต็มได้หากไปซื้อตั๋วหน้างานที่ญี่ปุ่น
    คุณยังสามารถซื้อตั๋วผ่านเว็บไซต์ JR East ได้ด้วย แต่ต้องสมัครสมาชิกและลงทะเบียนก่อน

    การจองตั๋วผ่าน Klook

    by klook
    เพื่อความสะดวกและได้ที่นั่งล่วงหน้า สามารถจองตั๋ว Saphir Odoriko ล่วงหน้าได้ถึง 90 วัน ผ่าน Klook โดยสามารถชำระเงินได้มากกว่า 40 สกุลเงิน และกว่า 40 ช่องทางการจ่ายเงิน
    จองตั๋วรถไฟญี่ปุ่นผ่าน Klook ยังสามารถเลือกที่นั่งได้ว่าจะนั่งริมหน้าต่างหรือริมทางเดิน ราคาตั๋ว Green Car ของ Saphir Odoriko จะอยู่ที่ประมาณ 9,900 เยน
    หมายเหตุ: ห้องโดยสารส่วนตัว (Private Compartments) สามารถจองได้เฉพาะที่ เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว JR East เท่านั้น และอย่าลืมเช็กตารางเวลาและจุดจอดล่วงหน้าเพื่อการเดินทางที่ราบรื่น

    การรับตั๋วจริง

    หลังจากซื้อตั๋วผ่าน Klook คุณจะได้รับ QR Code ทางอีเมลยืนยันการจอง นำ QR Code ไปที่สถานีต้นทางในญี่ปุ่นเพื่อสแกนรับตั๋วตัวจริง สามารถเลือกรับได้ที่ ตู้จำหน่ายตั๋วสำรองที่นั่ง หรือ เคาน์เตอร์ Midori-no-madoguchi เพียงกดปุ่ม QR Code ที่มุมขวาล่างของหน้าจอเครื่อง แล้วสแกนโค้ดของคุณ

    JR Pass ใช้ได้กับรถไฟ Saphir Odoriko หรือไม่?

    JR Tokyo Wide Pass ใช้ได้เฉพาะกับตั๋วรถไฟ Odoriko แบบธรรมดา เท่านั้น ไม่ครอบคลุม Saphir Odoriko
    บัตร JR Pass สำหรับทุกภูมิภาคในญี่ปุ่น อาจครอบคลุมค่าโดยสาร Green Car เฉพาะจาก Tokyo ถึง Ito แต่ไม่รวมช่วง Ito ถึง Izukyu Shimoda หากต้องการเดินทางต่อไปถึง Izukyu Shimoda จำเป็นต้องซื้อตั๋วเพิ่มเติมที่สถานี JR East

    การเดินทางจากโตเกียวสู่คาบสมุทรอิซุ บนรถไฟ Saphir Odoriko

    JR train
    Credit: JR East
    Saphir Odoriko มอบประสบการณ์การเดินทางหรูหราและชมวิวสวย ๆ จากโตเกียวสู่คาบสมุทรอิซุ ด้วยที่นั่งระดับพรีเมียม ห้องโดยสารส่วนตัว และวิวธรรมชาติที่งดงาม ไม่ว่าจะเพลิดเพลินกับบริการบนรถไฟ เที่ยวสถานีไฮไลต์ หรือร่วมเทศกาลตามฤดูกาล ทุกช่วงเวลาบนขบวนนี้เต็มไปด้วยความหรูหราและความสะดวกสบาย พร้อมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ ตั๋ว, ราคาค่าโดยสาร, และการครอบคลุมของ JR Pass การวางแผนทริปนี้จึงเป็นเรื่องง่ายและสะดวกมาก
    เตรียมตัวเดินทางสุดพิเศษนี้ แล้วไปสัมผัสเสน่ห์คาบสมุทรอิซุในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนกัน!

    คำถามที่พบบ่อย (Frequently Asked Questions)

    • JR Pass ใช้กับรถไฟ Saphir Odoriko ได้ไหม? JR Pass จะครอบคลุมเฉพาะค่าโดยสารพื้นฐานของรถไฟ Saphir Odoriko เท่านั้น แต่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับที่นั่ง Green Class และเส้นทางที่ดำเนินการโดยรถไฟเอกชน
    • สามารถซื้อตั๋วรถไฟ Saphir Odoriko ได้ที่ไหนบ้าง? คุณสามารถซื้อตั๋วรถไฟ Saphir Odoriko ได้ที่สำนักงานจำหน่ายตั๋ว JR (Midori-no-madoguchi) ซึ่งตั้งอยู่ตามสถานีรถไฟหลักต่าง ๆ เช่น สถานีโตเกียว สถานีอุเอโนะ และสถานีชินจูกุ ถ้าต้องการจองล่วงหน้า แนะนำให้ซื้อตั๋วผ่านระบบออนไลน์หรือแอปพลิเคชันล่วงหน้า!
    • บนรถไฟ Saphir Odoriko มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง? บนขบวน Saphir Odoriko จะมีตู้คาเฟ่ที่เสิร์ฟเมนูพิเศษแบบกูร์เมต์, ที่นั่ง Premium Green สำหรับชมวิวแบบพาโนรามา และระบบจองอาหารล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ SAPHIR Pay ให้คุณได้เพลิดเพลินกับการเดินทางสุดหรูอย่างสะดวกสบาย
    • สถานีเด่น ๆ ตามเส้นทาง Saphir Odoriko มีที่ไหนบ้าง? สถานีเด่น ๆ ตามเส้นทางนี้ ได้แก่
    1. สถานีอาตามิ (Atami): เมืองออนเซ็นติดทะเลชื่อดัง
    2. สถานีอิโตะ (Ito): เมืองออนเซ็นริมทะเล พร้อมศาลเจ้าและเทศกาลพื้นบ้าน
    3. สถานีอิซึคิว ชิโมดะ (Izukyu Shimoda): เมืองปลายทางที่มีเทศกาลดอกไฮเดรนเยียและทัศนียภาพริมทะเลที่สวยงาม
    • ในญี่ปุ่นมีรถไฟสุดหรูแบบเดียวกับ Saphir Odoriko อีกไหม? มีแน่นอน! ญี่ปุ่นยังมีรถไฟพรีเมียมสุดพิเศษอีกหลายขบวน เช่น
    1. Gran Class Shinkansen
    2. Train Suite Shiki-Shima
    ให้คุณได้เลือกสัมผัสประสบการณ์เดินทางสุดหรูในสไตล์ญี่ปุ่นแบบไม่ซ้ำใคร
    ผ่อน 0% สูงสุด 4 เดือน
    ผ่อน 0% สูงสุด 4 เดือน