การได้ไปซาฟารี ณ ทวีปแอฟริกาดูจะเป็นสิ่งที่ไกลเกินฝันในยามที่โควิดระบาดแบบนี้ แต่ใครบอกกันล่ะว่าซาฟารีมีแค่ที่แอฟริกาเท่านั้น เพราะในวันนี้คุณสามารถจ่ายเงินเพียงแค่หลักร้อยและไปท่องซาฟารีพร้อมใกล้ชิดกับสัตว์ป่าอีกมากมายได้แล้วที่ สวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ กรุงเทพฯ (Safari World Bangkok)!
นอกจากกิจกรรมท่องซาฟารีแล้ว สวนสัตว์แห่งนี้ก็ยังมีกิจกรรมใหม่ ๆ อีกมากมายที่คุณไม่ควรพลาดเช่นกัน ซึ่งการไปเที่ยวให้สนุกแบบคูณสองนั้นก็ต้องไปพร้อมกับชาวแก๊งสุดซี้
ในวันนี้ทีมงาน Klook ของเราจึงขออาสาพา ฟิล์มและเอิร์ธ สองเพื่อนรักมาร่วมทริปกับเราด้วย จะสนุกและน่าไปเที่ยวขนาดไหน ตามมาชมกันได้เลย!
โปรโมชั่นดี ๆ จาก Klook!
ซาฟารีเวิลด์ (Safari World) มีอะไรให้ชมบ้าง?
สวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์นั้นแบ่งออกเป็น 2 โซนใหญ่ ได้แก่ โซน Safari Park ซึ่งเป็นโซนสวนสัตว์เปิดที่คุณจะได้ชมสัตว์ป่าจากแอฟริกาแบบใกล้ชิด และโซน Marine Park ที่มีทั้งสัตว์ คาเฟ่ลับสุดน่ารัก ๆ และโชว์สุดว้าวมากมายให้ได้ชมกัน โดยคุณสามารถเที่ยวชมทั้งสองโซนนี้ได้ตลอดวันแบบไม่มีเบื่อแน่นอน
วิธีจองบัตรเข้าชมสวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ (Safari World) กับ Klook
การซื้อบัตรเข้าชมซาฟารีเวิลด์ทางออนไลน์ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุ้มค่า เพราะนอกจากจะไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวให้เมื่อยแล้ว คุณยังสามารถรับส่วนลดเพิ่มอีก 10% ได้อีกด้วย เพียงแค่กดจองแพ็กเกจที่คุณสนใจในแอปพลิเคชั่น Klook พร้อมชำระเงินและรอรับคิวอาร์โค้ดเท่านั้น โดยแต่ละแพ็กเกจจะมีราคาดังนี้
- บัตรเข้าชม ผู้ใหญ่ราคาพิเศษ เพียง 720 บาท และเด็กเพียง 620 บาท
- เวาเชอร์อาหารและเครื่องดื่ม 500 บาท พิเศษ จองผ่าน Klook ได้ในราคา 450 บาท คลิกที่นี่
- คูปองถ่ายภาพ 800 บาท พิเศษ จองผ่าน Klook ได้ในราคาเพียง 720 บาทเท่านั้น คลิกที่นี่
พบปะเจ้าสัตว์สุดคิ้วท์ที่โซน Marine Park
เมื่อทำการจองและแลกรับบัตรกับทางสวนสัตว์แล้ว พวกเราก็ได้เริ่มต้นการผจญภัยกันที่โซน Marine Park ซึ่งทันทีหลังเดินผ่านประตูเข้าไป เราก็ได้พบกับนกแก้วมาคอร์สีสันสดใสหลายสิบตัวที่ส่งเสียงต้อนรับเราอย่างเป็นมิตร
หลังจากที่ถ่ายภาพกับนกแก้วแล้ว พวกเราก็แวะซื้อไอศกรีมที่ร้าน Mr. Macaw’s Solf-Serve ที่อยู่ใกล้ ๆ กัน ต้องขอบอกเลยว่าหน้าตาของเจ้าไอศกรีมมะม่วงโคนนี้ช่างน่ารักจนไม่อยากให้ละลายเลยทีเดียว
ถ่ายรูปปัง ๆ กับยีราฟแบบใกล้ชิดกว่า 200 ตัว
โอ้เอ้กันไปพักใหญ่ เราก็ตัดสินใจเดินไปชมยีราฟกันที่ Giraffe Terrace ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของสวนสัตว์ เนื่องจากที่นี่มียีราฟให้ชมและป้อนอาหารมากกว่า 200 ตัว!
เห็นยีราฟเยอะแบบนี้ พวกเรามีหรือจะอดใจไหว รีบเข้าไปถ่ายรูปกับเจ้าคอยาวกันแบบไม่มีใครรอใครทั้งนั้น
แต่อุปสรรคเล็ก ๆ ของที่นี่ก็คือน้องยีราฟที่กินกันเก่งมากและคนก็อยากถ่ายรูปกับน้องค่อนข้างเยอะด้วย ดังนั้น เราจึงขอแนะนำให้คุณซื้ออาหารยีราฟและเดินไปทางมุมขวาสุดของระเบียง ซึ่งเป็นจุดที่ถ่ายรูปไม่ติดคนและสามารถหลอกล่อยีราฟให้มากินอาหารจากมือกันได้ง่ายกว่าจุดอื่น ๆ
ถ้าจะยืนถ่ายรูปกับน้องเฉย ๆ ก็อาจดูธรรมดาไปนิด เราก็เลยขอซื้อเครื่องดื่มและบาร์บีคิวขนมหวานสุดฮิตของที่นี้มาถ่ายรูปคู่กับเจ้ายีราฟเสียเลย แต่หากใครอยากจะทำตามก็ต้องระวังกันหน่อย อย่าให้น้องแย่งขนมเราไปกินนะจ๊ะ
เจอนก แบบไม่นกที่ Mini World
เราเดินกันต่อกันไปจนถึงศูนย์เพาะพันธุ์ไข่ Eggs World ซึ่งเป็นนิทรรศการที่แสดงการเจริญเติบโตของนกตั้งแต่ยังเป็นไข่ฟองเล็กไปจนถึงตอนโตเต็มวัย โดยเรายังสามารถชมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานผ่านกระจกได้แบบใกล้ชิดอีกด้วย
เมื่อชมนิทรรศการเสร็จแล้ว พวกเราก็แวะไปชมนกแก้วบริเวณจุดแสดงนก Mini World ที่มีนกแก้วซันคอร์นัวอาศัยอยู่นับร้อยตัว แต่ก่อนที่จะไปเล่นกับน้องนก อย่าลืมล้างมือและซื้ออาหารนกกันก่อนด้วยนะ
การถ่ายรูปกับนกนั้นก็ไม่ยากเลย แค่เอาอาหารวางไว้บนมือ ไหล่ หรือหัว เจ้านกแก้วสีสันสดใสพวกนี้ก็จะบินมาเกาะบนตัวเราแล้ว แต่ถ้าใครบ้าจี้ก็อาจอาสาเป็นคนถ่ายภาพให้เพื่อน ๆ เหมือนเราก็ได้เช่นกัน
แวะกินข้าว+ถ่ายรูปขนมสุดคิ้วท์ที่ Animal Cafe
การถ่ายรูปกับยีราฟและนกแก้วนั้นดึงพลังงานพวกเราไปเยอะพอสมควรเลย เพื่อไม่ให้เป็นลมกันไปก่อน แก๊งสามสหายของเราจึงได้แวะพักเติมพลังกันที่ร้าน Animal Cafe คาเฟ่สุดฮอตประจำสวนสัตว์ที่มีเมนูน่ารัก ๆ ให้เลือกสั่งมากมาย
เมื่อมาถึงที่ร้าน พวกเราก็สั่งอาหารทั้งคาวหวานกันอย่างดุเดือด โดยแต่ละเมนูที่เราเลือกสั่งนั้นก็ล้วนดูน่ากินและครีเอทเอามาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าวผัดปลาแซลมอนหน้าสิงโต หรือข้าวแกงกะหรี่รูปโลมา ซึ่งรสชาติอาหารโดยรวมนั้นถือว่าไม่จัดจ้านเกินไป เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัยอย่างแน่นอน
ทานของคาวกันไปแล้วก็ต้องตบท้ายด้วยของหวาน โดยขนมหวานตัวซิกเนเจอร์ของทาง Animal Cafe นั้นนอกจากจะอร่อยแล้วก็ยังดูน่ารักมาก ไม่ว่าจะเป็นแยมโรลทีรามิสุลายยีราฟที่มาคู่กับซอฟท์เสิร์ฟโรยมะพร้าวคั่ว เค้กช็อกโกแลตลาวาม้าลายแสนอร่อย หรือจะเป็นซอฟท์เสิร์ฟม้าลายที่น่าหยิบมาถ่ายรูปเป็นที่สุด
ท่องซาฟารีแบบไม่ต้องบินไปไกลถึงแอฟริกา
อิ่มท้องกันแล้วก็ได้เวลาเที่ยวต่อ เราจึงเดินออกจากโซน Marine Park และขับรถเข้าไปในโซน Safari Park เพื่อแวะไปทักทายสัตว์ป่าแอฟริกากันแบบใกล้ชิด ส่วนใครที่อยากจะกลับเข้าโซน Marine Park อีกรอบ อย่าลืมปั๊มแขนกับเจ้าหน้าที่ก่อนออกจากโซนกันด้วยนะ
เมื่อเข้ามาในโซน Safari Park แล้ว สิ่งหนึ่งที่ห้ามลืมเลยก็คือ ห้ามเปิดประตูหรือลดกระจกลงเด็ดขาด โดยเราสามารถถ่ายภาพสัตว์จากภายในตัวรถได้เท่านั้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องระวังสัตว์บางตัวที่อาจลงมาเดินบนท้องถนนด้วย ที่นี่เขาจะถือว่าสัตว์เป็นใหญ่บนถนน ดังนั้น ขับรถช้า ๆ ค่อย ๆ ชมไปจะดีที่สุด
ตลอดเส้นทางในช่วงแรกเราจะได้พบกับสัตว์ป่าแอฟริกามากมาย เช่น ม้าลาย แรด และกวางหลากหลายสายพันธุ์ ก่อนที่จะได้ไปพบกับเสือโคร่งและสิงโตในโซนสัตว์ดุร้าย อันถือเป็นจุดที่ตื่นเต้นที่สุดของการผจญภัยครั้งนี้
แต่ถ้าหากใครอยากใกล้ชิดกับเจ้าเสือโคร่งให้มากยิ่งขึ้น เราก็ขอแนะนำให้คุณมาร่วมกิจกรรม Feeding Show ตั้งแต่เวลา 09:45 น. เพราะคุณจะสามารถให้อาหารนักล่าแห่งพงไพรแบบใกล้ชิดจนแทบจะหยุดหายใจกันไปเลย
อึ้ง ทึ่ง ว้าว ไปกับโชว์โลมาสุดฮิต
ถึงแม้จะดูลุ้นระทึก แต่ที่ซาฟารีเวิลด์นี้ความปลอดภัยของผู้เข้าชมต้องมาก่อนเสมอ โดยหลังจากที่ท่องซาฟารีกันเสร็จแล้ว พวกเราก็มุ่งหน้ากลับเข้าโซน Marine Park เพื่อไปชมไฮไลท์ตลอดกาลของสวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์อย่าง โชว์โลมา เป็นการปิดท้าย
หลังจากที่พวกเรานั่งลงบนอัฒจันทร์ได้ไม่นาน การแสดงก็เริ่มขึ้น โดยช่วงแรกจะมีโลมาน้อยสองตัวออกมาอุ่นเครื่อง เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากผู้ชมกันได้อย่างท่วมท้น ก่อนจะเข้าสู่การแสดงจริงที่เราจะได้ชมโลมานับสิบตัวกระโดดท่าสวย ๆ จนทำให้เราทุกคนต้องยอมปรบมือดัง ๆ ให้เลยทีเดียว
โชว์โลมานี้ทำให้เราทั้งสามต่างก็รู้สึกทึ่งไปกับความสามารถของนักแสดงและโลมาที่ผสานกันได้อย่างไม่มีที่ติ ไม่ว่าจะเป็นการขี่โลมา หรือการกระโดดเตะลูกบอลที่ห้อยมาจากหลังคาอัฒจันทร์ ซึ่งสามารถเรียกเสียงปรบมือและเสียงเฮจากผู้ชมได้อย่างกึกก้อง
เมื่อการแสดงจบลง พวกเราก็ยังได้มีโอกาสเข้าไปถ่ายภาพร่วมกับเจ้าโลมาแสนรู้เป็นที่ระลึก ซึ่งเราก็โดนเจ้าโลมาตัวนี้ตกเข้าเต็ม ๆ
กิจกรรมสนุก ๆ อีกมากมายที่ซาฟารีเวิลด์
นอกจากสัตว์ที่ทั้งน่ารักและแสนรู้แล้ว สวนสัตว์แห่งนี้ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่คุณไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง นั่นก็คือ River Safari เครื่องเล่นสุดมันที่จะพาเราล่องไปตามลำน้ำกลางป่าแอฟริกา โดยคุณจะได้พบกับจุดเซอร์ไพรส์มากมายที่จะทำให้คุณต้องร้องกรี๊ดและหัวเราะออกมาอย่างไม่อายใครแน่นอน
ความพิเศษของซาฟารีเวิลด์ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ เพราะที่นี่ยังมีลูกวอลรัสตัวแรกของอาเซียนอย่างน้อง “New Normal” อีกด้วย ซึ่งในวันที่เราไปเที่ยว น้องเพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียงสามวันเท่านั้น นับเป็นไฮไลท์ใหม่ล่าสุดของทางสวนสัตว์ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ถึงแม้เราจะโชคดีได้เจอน้องวอลรัส แต่แต้มบุญก็ไม่เข้าข้างเราเสมอไป เพราะในวันนั้นมีฝนตกลงมาเรื่อยๆตลอดช่วงบ่าย ทำให้จุดถ่ายภาพคู่กับลิงอุรังอุตังแบบ New Normal นั้นต้องปิดให้บริการชั่วคราว เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่กลัวว่าน้องจะเปียกฝนและไม่สบายนั่นเอง
แม้จะเสียดายแต่เราก็รู้สึกชื่นชมที่ทางสวนสัตว์ดูแลน้องลิงเป็นอย่างดี เรากับฟิล์มจึงขอเก็บภาพจุดนี้สักเล็กน้อยก่อนเดินทางกลับ ซึ่งหากใครโชคดีได้มาเที่ยวในวันที่ฝนไม่ตก ตำแหน่งที่ฟิล์มนั่งตรงนี้ก็จะเป็นเจ้าลิงอุรังอุตังแสนรู้ที่จะมาโพสต์ท่ากวน ๆ จนคุณหุบยิ้มไม่ได้เลยทีเดียว
แอฟริกาใกล้เหมือนไปปากซอย
ซาฟารีเวิลด์นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ที่มอบความประทับใจให้แก่พวกเราได้แบบครบรสและจัดเต็ม การได้มาเที่ยวสวนสัตว์แห่งนี้จึงไม่เพียงแต่จะได้ภาพสวย ๆ และความทรงจำดี ๆ กลับไปเท่านั้น แต่คุณยังจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ท่องซาฟารีเสมือนได้ไปผจญภัยที่แอฟริกาจริง ๆ เรียกได้ว่าไม่ต้องซื้อตั๋วไปไหนไกล แอฟริกาก็มาตั้งอยู่ใกล้ ๆ บ้านเรานี่เอง
อย่างไรก็ตาม ทริปสุดพิเศษของเราทั้งสามคนนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีแอปพลิเคชั่น Klook ที่ช่วยให้เราสามารถจองบัตรเข้าชมและเวาเชอร์อาหารของซาฟารีเวิลด์ได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวให้ยุ่งยาก แถมยังมีเครดิตและโปรโมชั่นดี ๆ ที่เอาไว้ใช้เป็นส่วนลดได้อีกมากมาย เรียกได้ว่าแค่มี Klook ทุกทริปก็คุ้มแล้ว!
วันเวลาทำการสวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ (Safari World)
สวนสัตว์จะเปิดให้เข้าชมในวันพฤหัสดีถึงวันอาทิตย์ และในวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยเวลาที่เปิดให้บริการจะแตกต่างกันไปตามนี้
- โซน Safari Park: 09:00-16:30 น. (วันพฤหัสบดี-วันศุกร์), 09:00-17:00 น. (วันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
- โซน Marine Park: 09:00-17:00 น. (วันพฤหัสบดี-วันศุกร์), 09:00-18:00 น. (วันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
- รอบการแสดง: จะแตกต่างกันไปในแต่ละวันและสัปดาห์ โปรดตรวจสอบข้อมูลจากทางเพจของสวนสัตว์อีกครั้ง