พิชิตสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคใหม่ กับทัชมาฮาล สถาปัตยกรรมที่สวยงามที่สุดในอินเดีย ชื่นชมความอลังการของอนุสรณ์สถานแห่งความรักและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของทัชมาฮาล
ทัชมาฮาล ตั้งอยู่ในเมืองอัครา (Agra) ริมแม่น้ำยมนา ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศอินเดียจะต้องมาเช็คอินที่นี่สักครั้งในชีวิต ทัชมาฮาลเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรักที่ไม่มีใครไม่รู้จัก และยังเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคใหม่ ทัชมาฮาลยังได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก (UNESCO) ในปีค.ศ.1983 ในฐานะเพชรน้ำเอกของศิลปะมุสลิมในอินเดีย แลยังเป็นหนึ่งในงานชิ้นเอกที่ได้รับการชื่นชมในระดับสากลอีกด้วย ทัชมาฮาลใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 22 ปี ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยสื่อถึงความรักของสมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮันที่มีให้ต่อพระนางมุมตัซ มาฮาล พระมเหสีของพระองค์นั่นเอง และเพื่อใช้เป็นอนุสาวรีย์ฝังศพของพระมเหสีอีกด้วย ตามประวัติกล่าวว่า พระมเหสีมุมตัซสิ้นพระชนม์หลังจากที่ให้กำเนิดทายาทองค์ที่ 14 ซึ่งการเสียพระชนม์ของพระมเหสีทำให้สมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮันโศกเศร้าเป็นเวลานาน จนถึงขั้นสละราชสมบัติเพื่อมาสร้างทัชมาฮาล เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักของพระองค์นั่นเอง จึงทำให้เราได้เห็นความยิ่งใหญ่ของทัชมาฮาลจนถึงทุกวันนี้
ภายนอกอาคาร หากพูดถึงความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมของทัชมาฮาลแล้ว ทัชมาฮาลได้ถูกออกแบบในรูปแบบอินเดียจักรวรรดิโมกุล เป็นการผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมของฮินดูและมองโก จึงทำให้มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนนั่นก็คือ หลังคาทรงโดม ยอดกลมโป่ง ที่มีหอคอยปลายยอดแหลม หรือที่เราเรียกกันว่าหลังคาแบบทรงดอกบัวตูม และมีซุ้มประตูโค้งสูง บนยอดถูกขนาบด้วยหลังคาโค้งขนาดเล็กอีกทั้งสองข้าง บริเวณมุมระเบียงทั้งสองด้านถูกเสริมด้วยโครงสร้างอีกสองชั้น จึงทำให้อาคารนี้มีความสมมาตรในทุกด้าน จนสถาปนิกจากทั่วโลกต่างเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า สถาปัตยกรรมของทัชมาฮาลเป็น "The Most Symmetrical Architecture" หรือสถาปัตยกรรมที่มีความสมมตราที่สุดในโลกนั่นเอง ตัวอาคารเป็นสีขาวทั้งหมด สร้างจากหินอ่อนบริสุทธิ์ ซึ่งมีความหมายในเชิงนัยยะถึงความเป็นนิรันดร์เหนือกาลเวลา ภายนอกอาคารมีการแกะสลักด้วยเทคนิคสลักบนหินอ่อนเป็นลวดลายของธรรมชาติ (PIETRA DURA) ทำให้อาคารดูสีขาวสะอาด และมีลวดลายที่สวยงามตระการตาอย่างที่เห็น ภายในอาคาร มาถึงภายในตัวอาคารกันบ้าง ภายในอาคารถูกออกแบบพื้นที่ให้สอดคล้องกับตัวสถาปัตยกรรมภายนอก โดยมีลักษณะ Double Space ซึ่งหลังคาจะสูงมาก มีความสูงถึง 5 เมตร ทำให้ภายในอาคารดูโปร่งโล่งสบาย และอีกหนึ่งลักษณะเด่นก็คือ ประตูทรงโค้งที่เป็นเอกลักษณ์ในสไตล์โมกุล-มองโก ที่ผสมผสานระหว่างคติความเชื่อของสวรรค์และการเคราพบูชาเทพเจ้า จนทำให้ประตูมีรูปทรงที่โค้ง ดูแล้วคล้ายกับก้อนเมฆ นอกจากนี้แล้ว ภายในยังได้กรุหินอ่อนสีขาวทั้งหมด เพื่อเป็นการสื่อถึงความรักอันเป็นนิรันดร์และยังเป็นสดุดีต่อผู้หญิงผู้เป็นที่รักอีกด้วย หินอ่อนยังได้ถูกแกะสลักเป็นลวดลาย เช่น ดอกไม้ ต้นไม้ และรูปทรงเรขาคณิต เพื่อให้มีความทรอดคล้องกับตัวอาคาร ส่วนพื้นในอาคารเลือกใช้เป็นหินออ่อนเช่นเดียวกัน แต่มีการดีไซน์ลวดลายที่ต่างออกไป โดยสลักเป็นดอกไม้ เพิ่มสีสันด้วยการไล่เฉดสี เพื่อให้เกิด Contrast ของสี จึงทำให้พื้นดูมีลวดลาย ไม่เรียบจนเกินไป และจุดสำคัญของอาคารภายในก็คือ การเจาะช่องแสงที่มากพอสมควร การทำช่องหน้าต่างสลับกับผนังทับ และเจาะรูบางส่วน เพื่อให้แสงสามารถเข้าถึงภายในตัวอาคารได้ในช่วงกลางวัน จึงไม่ต้องพึ่งแสงจากหลอดไฟเลย