เที่ยวกำแพงเมืองจีน

ชมความยิ่งใหญ่ตระการตาของกำแพงเมืองจีน สัมผัสวิวแบบ 360 องศา และแวะสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างพระราชวังต้องห้าม จัตุรัสเทียนอันเหมิน ฯลฯ กับทัวร์กำแพงเมืองจีน

ชมความยิ่งใหญ่ตระการตาของกำแพงเมืองจีน สัมผัสวิวแบบ 360 องศา และแวะสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างพระราชวังต้องห้าม จัตุรัสเทียนอันเหมิน ฯลฯ กับทัวร์กำแพงเมืองจีน

รีวิวเที่ยวกำแพงเมืองจีน

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับกำแพงเมืองจีน

ที่มาของการสร้างกำแพงเมืองจีน

กำแพงเมืองจีน (Great Wall of China) เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ถือเป็นอารยธรรมโบราณที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ อีกทั้งยังมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของจีนมาอย่างยาวนาน กำแพงเมืองจีนนี้ถือสิ่งก่อสร้างที่ยาวและใหญ่ที่สุดในโลก มีความยาวถึง 20,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว กำแพงเมืองจีนนั้นมีความสำคัญในเชิงจุดยุทธศาสตร์ในสมัยราชวงศ์ฉิน กำแพงนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันการบุกรุกจากชาวฮั่น หรือชนเผ่าเร่ร่อนบนหลังม้าในสมัยนั้น พวกมองโกเลียและแมนจูเรีย ที่จะคอยมารุกรานชาวจีนตามแนวชายแดนอยู่เสมอๆ ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ กำแพงนี้ได้เริ่มสร้างกันมาตั้งแต่ก่อนสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้แล้ว โดยก๊ก หรือแคว้นที่อยู่ตามแนวชายแดนต่างร่วมมือกันสร้างขึ้นเพื่อป้องกันอาณาเขตของตนเอง

อาณาเขตของกำแพงเมืองจีน

กำแพงเมืองจีนมีอาณาเขตครอบคลุมทั้งหมด 9 มณฑล คือ มณฑลเทียนจิน (Tianjin), มณฑลเหอเป่ย์ (Hebei), ปักกิ่ง (Beijing), มณฑลเหลียวหนิง (Liaoning), เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน (Inner Mongolia), เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย (Ningxia), มณฑลกานซู (Gansu), มณฑลซานซี (Shanxi) และ มณฑลส่านซี (Shaanxi) ด้วยความยาวที่ครอบคลุมหลายอาณาจักรขนาดนี้ ชาวจีนจึงเรียกกำแพงเมืองจีนว่า "กำแพงหมื่นลี้"

โครงสร้างของกำแพงเมืองจีน

โคราสร้างของกำแพงสมัยก่อนจะสร้างด้วยดินโคลนผสมฟาง นำเอาดินโคลนมาผสมกับฟางและหิน หลังจากนั้นนำมาวางเป็นชั้นๆ และตอกด้วยค้อนไม้ให้เข้าที่ ซึ่งหลักการนี้เป็นการอัดดินให้แน่น พอมาถึงยุคราชวงค์ถัง จึงเริ่มสร้างสร้างด้วยอิฐก้อนใหญ่ และถมด้วยดินเหลืองและเศษหิน มีความสูงประมาณ 10 เมตร สันกำแพงกว้างประมาณ 4 ถึง 5 เมตร ด้านในของกำแพงเมืองมีประตูที่ทำบันไดหินเอาไว้ ทำให้การขึ้นลงสะดวกมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีป้อมจุดไฟ เพื่อให้สัญญาณแจ้งเหตุ หากเกิดมีข้าศึกบุกรุก นอกจากนี้แล้วยังมีป้อมสำหรับเก็บอาวุธ อาหารและยังที่พักสำหรับทหารยามมีศึกสงครามอีกด้วย

6 ด่านกำแพงที่ต้องไปให้ได้

  1. ด่านปาต้าหลิ่ง: เป็นด่านที่นักท่องเที่ยวนิยมมามากที่สุด เนื่องจากอยู่ใกล้ปักกิ่ง และมีกระเช้าให้นั่งขึ้นไปได้ สะดวกสบายในการเดินทาง
  2. ด่านมู่เถียนยวี่: ด่านนี้ก็ตั้งอยู่ไม่ไกลจากปักกิ่งมากนัก ขับรถใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ขาขึ้นมีกระเช้าและขาลงมีสไลเดอร์
  3. ด่านซือหม่าไถ: ด่านนี้เป็นด่านที่เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของกำแพงเมืองจีน ใครที่อยากเห็นวิวที่สวยที่สุด จะต้องมาที่ด่านนี้ แต่อาจเดินทางไกลหน่อย แต่บอกเลยว่าคุ้มค่า
  4. ด่านหวงฮวาเฉิง: เป็นด่านที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก แต่ก็สวยงามไม่แพ้ด่านซือหม่าไถ เพราะเป็นกำแพงเมืองจีนที่ติดริมน้ำ เราสามารถเห็นวิวทะเลสาบได้จากด่านนี้ ภายหลังรัฐบาลจีนได้สร้างเขื่อนขึ้นให้กลายเป็นอ่างเก็บน้ำ แต่ทางเดินอาจจะลำบากหน่อย เพราะเป็นจุดที่เคยโดนระเบิดและยังไม่ได้รับซ่อมแซมให้เสร็จ
  5. ด่านจวียงกวน: เป็นด่านกำแพงเมืองจีนที่อยู่ใกล้กับกรุงปักกิ่งมากที่สุด เป็นอีกหนึ่งจุดที่เลื่องลือในเรื่องของความงามของทิวทัศน์กำแพงเมืองจีนที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงใหญ่ เหมาะแก่การเดินทางมาเพื่อชมวิวสุดๆ
  6. ด่านเจียยวี่: เป็นด่านสุดท้ายชายแดน อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นของกำแพงเมืองจีนในทิศตะวันตก บนเส้นทางสายไหม ซึ่งบรรจบกับชายแดนมองโกล เราจะสามารถมองเห็นทะเลทรายอันเวิ้งว้างได้จากบนด่านนี้ และไฮไลท์สำคัญของด่านนี้ก็คือป้อมปราการขนาดใหญ่ที่ได้รับการบูรณะไว้เป็นอย่างดี

    5 ที่เที่ยวรอบๆ กำแพงเมืองจีน

    1. พระราชวังต้องห้าม

    "พระราชวังต้องห้าม" หรือ "พระราชวังกู้กง" เป็นพระราชวังเก่าแก่ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างยิ่ง เพราะอยู่คู่ประวัติศาสตร์จีนมายาวนานหลายร้อยปี อีกทั้งพระราชวังแห่งนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศจีนอีกด้วย เริ่มจากที่จักรพรรดิหย่งเล่อ (Yongle Emperor) จักรพรรดิองค์ที่ 3 ของราชวงศ์หมิง ต้องการย้ายเมืองหลวงจาก หนานจิงมายังปักกิ่ง จึงได้มีการสร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้นในปี ค.ศ. 1406 และได้กลายเป็นที่ประทับของจักรพรรดิและเชื้อพระวงศ์แห่งราชวงศ์หมิงจนถึงราชวงศ์ชิง พระราชวังต้องห้ามนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรม (UNESCO) อีกด้วย ไฮไลท์ของพระราชวังแห่งนี้ก็คือ สถาปัตยกรรมของจีนโบราณอันยิ่งใหญ่อลังการสุดๆ พระราชวังต้องห้ามถูกแบ่งออกได้เป็น 2 โซนด้วยกัน ได้แก่ พระราชฐานชั้นนอกและชั้นใน ก่อนจะเข้าไปถึงโซนพระราชวัง เราจะพบกับจัตุรัสเทียนอันเหมิน จัตุรัสอันโด่งดังของจีนที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังมีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์ รวมไปถึงประตูอู่ ซึ่ง เป็นประตูที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวังต้องห้าม

    2. หอฟ้าเทียนถาน

    "หอสักการะฟ้าเทียนถาน" หรือ "เทียนตี้ถัน" เป็นสถานที่บูชาฟ้าของจักรพรรดิราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง ซึ่งเริ่มก่อสร้างในปีที่จักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิงขึ้นครองราชย์ ซึ่งบริเวณหอฟ้าเทียนถาน ภายในอุทยานมีพระตำหนักและสิ่งปลูกสร้างที่สวยงามและใหญ่โตอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ตำหนักฉีเหนียนเตี้ยนหรือตำหนักสักการะทางเหนือ ซึ่งเป็นตำหนักหลัก และยังเป็นสถานที่ประกอบพิธี ต่อมาก็คือตำหนักหวงฉุงหยีว์หรือตำหนักเทพสถิต ซึ่งอยู่ตรงกลาง จึงเป็นที่ประดิษฐานแผ่นป้ายของเทพเจ้าต่างๆ ที่ใช้ในการสักการะบวงสรวงฟ้า และพระตำหนักสุดท้าย หยวนซิวถาน หรือแท่นบวงสรวงฟ้า อยู่ทางทิศใต้ เป็นแท่นบวงสรวงบนเนินรูปวงกลมและมีแผ่นหินรูปทรงกลมตั้งอยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็นตัวแทนของหัวใจแห่งฟ้านั่นเอง

    3. พระราชวังฤดูร้อน

    พระราชวังฤดูร้อน หรือ อวี้เหอหยวน อยู่ห่างจากตัวเมืองปักกิ่งไปทางตะวันตกเฉียงเหนือไปประมาณ 15 กิโลเมตร เดิมทีเคยเป็นวังหลวงและสวนดอกไม้ของพระเจ้ากุบไลข่าน ต่อมามีการต่อเติมในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง ซึ่งเสร็จในสมัยของกษัตริย์ราชวงศ์ชิง พระองค์ทรงใช้พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับเพื่อหนีความร้อนจากพระราชวังหลวงที่ปักกิ่งในฤดูร้อน เป็นเลื่องลือว่าที่นี่นับอุทยานหลวงที่งดงามที่สุดของจีน เนื่องจากมีสถาปัตยกรรมและภูมิทัศน์ภายในราชวัง ซึ่งสวนพฤกษชาติที่ร่มรื่นและสวยงามมาก ภายในพระราชวังยังถูกตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณ สีสันสดใส ควรค่าแก่การเดินทางมาเยี่ยมชม

    4. เมืองโบราณกู๋เป่ย

    เมืองโบราณกู๋เป๋ย เป็นเมืองโบราณริมน้ำ ที่ตั้งอยู่ติดกับกำแพงเมืองจีนด่านซือหม่าไถ ทัศนียภาพด้านหลังของหมู่บ้านจะเห็นภูเขาและกำแพงเมืองจีน สวยงามจนไม่อยากกระพริบตา ภายในเมืองโบราณแห่งนี้ประกอบไปบ้านที่มีสถาปัตยกรรมในสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง ที่ถูกสร้างตามลำธารที่คดเคี้ยว อีกทั้งยังเต็มไปด้วยร้านค้าโบราณ ทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก โซนจัดแสดงวัฒนธรรมดั้งเดิมและโรงแรมสไตล์โบราณ เรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านที่สะท้อนวัฒนธรรมของชาวจีนโบราณได้อย่างครบถ้วน ภายในเมืองยังมีบ่อนำ้พุชื่อดัง 2 แห่ง บ่อนึงเป็นบ่อน้ำพุร้อน อีกบ่อนึงเป็นบ่อน้ำพุเย็น บ่อนำ้พุทั้งสองไหลรวมกันกลายเป็นทะเลสาบยวนหยางหู

    5. ถนนคนเดินหวังฝูจิ่ง

    ถนนคนเดินหวังฝูจิ่ง เป็นอีกหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้เลย สำหรับนักท่องเที่ยวสายช้อปและตะลุยกิน เมื่อมาเยือนเมืองปักกิ่ง ประเทศจีน เนื่องจากถนนคนเดินแห่งนี้เต็มไปด้วยร้านค้าขายของแบรนด์เนม ร้านขายเสื้อผ้า ร้านอาหารเรียงรายอยู่สองข้างทาง สำหรับใครที่อยากลองสตรีทฟู้ดแบบจีนแท้ๆ แนะนำให้มาหาทานที่นี่

คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับเที่ยวกำแพงเมืองจีน

เดินทางจากเมืองปักกิ่งไปกำแพงเมืองจีนใช้เวลานานเท่าไหร่?

การขึ้นกำแพงเมืองจีนด่านซือหมาไถ่ สามารถขึ้นได้กี่โมง?

แพ็คเกจทัวร์กำแพงเมืองจีน มีบริการขึ้นกระเช้ารวมอยู่หรือไม่?

ค่าเข้าจตุรัสเทียนอันเหมินราคาเท่าไหร่?

ฉันสามารถเดินทางไปเมืองโบราณกู๋เป่ยได้อย่างไร?

แนะนำทัวร์ในปักกิ่งเพิ่มเติม