ทำไมชุดกิโมโนถึงเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยว
“กิโมโน” แปลเป็นไทยได้ว่า “สิ่งที่ใช้สวมใส่” ชุดกิโมโนนั้นแท้จริงแล้วได้รับแรงบันดาลใจมาจากชุดในราชสำนักของจีนตั้งแต่สมัยนาระ ถูกดัดแปลงเติมแต่งให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และกลายมาเป็นชุดประจำชาติญี่ปุ่นในที่สุด จนถึงปัจจุบันชุดกิโมโนเป็นที่นิยมกันมากในหมู่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น จึงไม่แปลกที่จะมีบริการเช่าชุดกิโมโนรอบเมืองต่างๆ โดยเฉพาะใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เนื่องจากชุดมีสีสันสดใสสวยงาม ถ่ายรูปแล้วออกมาสวย อีกทั้งพื้นหลังยังเป็นวิวทิวัทศน์ธรรมชาติที่สวยงามหรือเป็นวัด ศาลเจ้าญี่ปุ่น สถาปัตยกรรม อาคารบ้านเรื่องสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม นักท่องเที่ยวจึงนิยมเช่าชุดกิโมโนและไปถ่ายรูปกับแหล่งท่องเที่ยวพวกนี้ โดยชุดกิโมโนแบ่งออกเป็นหลายประเภทด้วยกัน สีสันและการตกแต่งก็จะแตกต่างกันไป
ประเภทของชุดกิโมโน
- ฟุริโซเดะ: ชุดกิโมโนแบบที่เป็นทางการมากที่สุด จะมีสีสันฉูดฉาด แขนของชุดจะยาวประมาณ 100 ซม. ส่วนใหญ่หญิงสาวที่ยังไม่แต่งงานิยมสวมใส่ชุดกิโมโนประเภทนี้กัน ซึ่งฟุริโซเดะก็แบ่งออกเป็นประเภทย่อยๆ อีก ได้แก่ โอฟุริโซเดะ ซึ่งมีความทางการมากที่สุดในชุดฟุริโซเดะ จุดสังเกตคือมีการบุนวมด้านในให้มีความทนทาน ต่อมาคือ จูฟุริโซเดะ เป็นชุดที่นิยมในหมู่สาววัยรุ่น ไม่มีการบุนวมและมีน้ำหนักเบา ประเภทสุดท้ายคือ โคฟุริโซเดะ ซึ่งจะเป็นฟุริโซเดะแบบแขนสั้น ใส่คู่กับกางเกงแบบทางการหรือฮากามะก็ได้ ซึ่งเป็นชุดฟุริโซเดะที่หาดูได้ยากมาก เพราะปัจจุบันไม่นิยมใส่กันแล้ว
- ฮิคิซึริ: เป็นชุดกิโมโนของหญิงชนชั้นสูงก่อนสมัยยุคเมจิ ซึ่ง "ฮิคิซึริ" หมายถึง "กระโปรงต่อท้าย" หมายถึงการใส่กิโมโนให้ชายกระโปรงลากยาวถึงพื้น และมีผ้าโบกพลิ้วดูสง่างาม ซึ่งผู้ที่สวมใส่มักจะเป็นเกอิชาหรือนักแสดงการเต้นระบำญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม แต่ปัจจุบันแทบจะไม่เห็นชุดกิโมโนแบบนี้แล้ว นอกจากในเมืองเกียวโตหรือในเขตอาซากุสะ
- โทเมโซเดะ: เป็นกิโมโนแบบทางการสำหรับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วใส่กัน สีและลวดลายจึงไม่ได้ฉูดฉาดมาก แต่จะมีความเรียบง่ายและดูหรูหราขึ้น ซึ่งลวดลายจะอยู่ต่ำกว่าเอวลงไปโดยเฉพาะ บางตัวจะถูกประดับตกแต่งด้วยทอง ถ้าเปรียบโทเมโซเดะกับชุดทั่วไปแล้ว ก็คงเปรียบได้กับชุดราตรีเลยก็ว่าได้
- ยูกาตะ: เป็นชุดกิโมโนจำลองที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันดีและยอดนิยมที่สุดในเหล่าชุดกิโมโนทั้งหมด ยูกาตะนั้นทำมาจากผ้าฝ้ายที่มีน้ำหนักเบา จึงเหมาะสำหรับการสวมใส่ในฤดูร้อน และใส่เมื่อเข้าร่วมเทศกาลฤดูร้อน เช่น เทศกาลดอกไม้ไฟ มีผ้าพันแบบเรียบง่ายพันรอบเอวที่เรียกว่าโอบิ และมักจะใส่คู่กับรองเท้าไม้
- อิโระมุจิ: เป็นชุดกิโมโนที่มีความเป็นทางการสูง จึงมักมีสีพื้น ไร้ลวดลาย และมีความเรียบง่าย มักจะใส่ตามงานเลี้ยงครอบครัวหรือพิธีจบการศึกษา และใส่ในพิธีชงชา ซึ่งหากใส่ชุดอิโระมุจิแล้ว ระดับความทางการจะขึ้นอยู่กับตราประจำตระกูลบนชุด
- โฮมงกิ: เป็นกิโมโนที่มีสีสันและลวดลายสวยงาม มีลวดลายที่เรียกว่า "เอบะ" ซึ่งลวดลายนี้จะอยู่บนไหล่พาดไปถึงตะเข็บด้านหลัง รวมถึงบนแขนชุดและใต้เอว ซึ่งถือว่าเป็นชุดกิโมโนแบบกึ่งทางการ ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วหรือยังไม่ได้แต่งงานก็สามารถใส่ได้ เหมาะกับใส่เมื่อร่วมงานพิธีการหรืองานเลี้ยงกึ่งทางการ ไม่ได้ทางการมาก เช่น งานเลี้ยงที่จัดในบ้าน
- โคะมง: เป็นชุดที่เลียนแบบกิโมโน จึงเห็นชุดนี้ได้ตามท้องถนน ลวดลายมักจะเป็นลายทางแนวตั้ง ซึ่งห้ามใส่ไปงานทางการเพราะจะไม่เหมาะสม มักจะใส่กันเดินเล่นรอบเมืองหรืองานเลี้ยงฉลองเล็กๆ เท่านั้น
- ชิโระมุคุ: เป็นชุดกิโมโนสำหรับเจ้าสาวในวันแต่งงาน จึงมีสีขาวบริสุทธิ์ ที่แสดงถึงความอ่อนน้อมต่อครอบครัวของฝ่ายชายที่จะแต่งงานด้วย
- กิโมโนสำหรับผู้ชาย: ชุดกิโมโนที่เป็นที่นิยมของผู้ชายก็คือ "คินากาชิ" เป็นชุดกิโมโนแบบลำลอง ไม่ได้ใส่ฮากามะ แต่จะพันรอบเอวด้วยโอบิ ซึ่งชุดกิโมโนของผู้ชายจะมีความเรียบง่ายและสีสันที่น้อยกว่าของผู้หญิง โดยเฉพาะกิโมโนแบบทางการ มักจะเป็นการผสมผสานระหว่างฮากามะ (กางเกงกิโมโน) และฮาโอริ (เสื้อคลุมกิโมโน) นั่นเอง
ขั้นตอนในการสวมใส่ชุดกิโมโน
- สอดแขนของคุณเข้าไปในแขนเสื้อของกิโมโน แล้วจับปลายคอเสื้อแต่ละข้างไว้ด้านหน้าของลำตัวและจัดแนวเสื้อให้อยู่ตรงกลางกับคอเสื้อ จากนั้นยกชายเสื้อขนานกับพื้นแล้วปรับให้ความยาวใกล้กับพื้น
- จับปกกิโมโนด้านซ้ายไปทับกับด้านขวาของเอว ขยายด้านหน้าของเสื้อตามที่คุณต้องการ และเอาผ้าที่มือขวาพันไว้รอบตัวก่อน ยกปลายชายเสื้อขึ้น จากนั้นพันส่วนของกิโมโนด้านซ้ายรอบเอว จากนั้นใช้มือขวากดส่วนบนด้านของสะโพกเพื่อเก็บชุดกิโมโนให้แน่น
- ผูกโคชิฮิโมะและรัดกิโมโน สามารถใช้โบว์ผูกแทนได้
- พันที่รัดชุดคลุมรอบเอวแล้วผูกให้เป็นปม หรือใช้โบว์ผูกแทนก็ได้ จัดรูปทรงให้เหมาะสมตามสัดส่วนของร่างกาย
ขั้นตอนการเช่าชุดกิโมโนและถ่ายรูป
- เลือกชุดกิโมแบบที่ตัวเองต้องการ: เราให้บริการเช่าชุดกิโมโนหลายรูปแบบ หลายสีสันและลวดลาย หากคุณเช่าชุดกับเรา คุณจะได้ทั้งชุดกิโมโนที่เข้ากับตัวเอง โดยดูจากส่วนสูงและรูปร่าง
- ทำผมและแต่งหน้าตามลุคสาวญี่ปุ่น: ทำผมม้วนและติดกิ๊บแบบ Yakai-maki หรือจะเลือกทรงผมอื่นก็ได้ จากนั้นแต่งหน้าตามโทนสีของชุดกิโมโนที่คุณเลือก ไม่ควรแต่งหน้าจัดจนเกินไป
- เลือกเครื่องประดับที่คุณต้องการ:
เลือกเครื่องประดับผม: ติดกิ๊บแบบ Yakai-maki หรือจะเลือกตัวเลือกเครื่องประดับอื่นผมๆ เพิ่มเติมก็ได้
เลือกกระเป๋า: ควรเลือกกระเป๋าที่มีขนาดเล็กกำลังดี และจับคู่กับสีของชุดกิโมโนของคุณ ทำให้ได้ลุคที่เข้ากันตั้งแต่หัวจรดเท้า
ใส่รองเท้าโซริ : รองเท้ายิ่งมีฐานสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งทางการมากขึ้นเท่านั้น ควรเลือกรองเท้าสีอ่อน เหมาะสำหรับสถานที่ที่มีแสงส่อง ทำให้ถ่ายรูปออกมาแล้วดูสวยงาม
เลือกร่ม: คุณสามารถเลือกร่มแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่สีเข้ากับชุดกิโมโน ทำให้ลุคแมชกันทั้งตัว ซึ่งการใช้งานของร่มนั้นใช้ได้ทั้งกันฝนและกันแดด
- รองหัดเดิน: เนื่องจากรองเท้าโซริแบบญี่ปุ่นมีส้นที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นควรฝึกเดินด้วยการเดินไปมาภายในการเช่าชุดก่อน เพื่อความชิน
- เรียนรู้มารยาทในการสวมใส่ชุดกิโมโน: ชุดกิโมโนถือเป็นชุดประจำชาติของญี่ปุ่น ดังนั้นเมื่อควรสวมชุดกิโมโนเพื่อไปร่วมงานเทศกาลหรือถ่ายรูปในสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะวัดหรือศาลเจ้าญี่ปุ่น คุณควรเรียนรู้มารยามเบื้องต้นในการเข้าร่วมงานเทศกาลต่างๆ รวมทั้งเคาราพกฏในการเยี่ยมชมภายในแหล่งท่องเที่ยว
- ถ่ายรูปโดยการโพสต์ท่าให้เหมาะสม: ขณะที่เราสวมชุดกิโมโน ควรให้เกียรติชุดประจำชาติด้วย เพื่อเป็นการบ่งบอกว่าเราเคารพชุดกิโมโน รวมไปถึงสถานที่ที่เราต้องการถ่ายรูปในขณะสวมชุดกิโมโนอีกด้วย
สิ่งที่คุณจะได้รับเมื่อเช่าชุดกิโมโน
- เรียนรู้วัฒนธรรมการแต่งกายของชาวญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม: ได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมและประเพณีของการแต่งกายตามแบบฉบับดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น ตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกชุดกิโมโน ไปจนถึงการเลือกเครื่องประดับ การทำผมและแต่งหน้าสไตล์ญี่ปุ่นที่หลากหลาย โดยการใช้บริการจากร้านเช่าชุดกิโมโน
- ได้เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ในประเทศญี่ปุ่น: หลังจากที่เราได้เลือกชุดกิโมโนตามแบบและสีที่เราต้องการแล้ว เราจะได้เลือกสถานที่ที่เราต้องการไปถ่ายรูป และสามารถเดินชมได้อย่างอิสระ
- ได้รูปสวยๆ ในชุดกิโมโน: หลังจากเดินทางไปถึงสถานที่ที่เราต้องการถ่ายรูปแล้ว คุณสามารถโพสต์ท่าอย่างสำรวมด้วยพื้นหลังของแลนด์มาร์คที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น ได้รูปสวยๆ ในขณะที่คุณสวมชุดกิโมโน
- ได้เข้าร่วมพิธีหรือเทศกาลประจำชาติของญี่ปุ่น: โดยทั่วไปแล้ว คนญี่ปุ่นมักจะสวมชุดกิโมโนเพื่อเข้าร่วมพิธีไม่ว่าจะทางการหรือไม่ทางการก็ได้ เช่น พิธีชงชา รวมไปถึงงานเทศกาลต่างๆ เช่น เทศกาลชมดอกซากุระ เทศกาลชมใบไม้เปลี่ยนสี หรือเทศกาลงานปีใหม่ ดังนั้นการได้สวมชุดกิโมโน คุณจะสามารถเข้าร่วมเทศกาลต่างๆ ได้อย่างแนบเนียนและได้ซึมซับวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของญี่ปุ่น
สถานที่ที่ให้บริการเช่าชุดกิโมโน
แม้ว่าเมืองโตเกียวจะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ทันสมัยที่สุดในญี่ปุ่น แต่โตเกียวก็มีสถานที่ท่องเที่ยวอันเก่าแก่ เช่น วัดนาริตะซัง ชินโชจิ, วัดเซ็นโซจิ อาซาคุสะ, ศาลเจ้าสึรุกาโอกะ ฮาจิมังกู, ศาลเจ้าคันดะเมียวจิน เป็นต้น รวมไปปราสาทอันเก่าแก่ในโตเกียว อีกทั้งยังมีจุดชมดอกซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงาม ย่านดังอย่างอาซากุสะก็มีร้านให้บริการเช่าชุดกิโมโนอยู่มากมายหลายร้านให้เลือก ได้แก่
- ร้านฮานะกะ (Hanaka)
- ร้านกิโมโน วาโกะ อาซะกุสะ (Kimono rental wargo Asakusa Rock Road Store)
- ร้านซากุระ โฟโต้ สตูดิโอ (Sakura Photo Studio)
- ร้านนานาอิโระ สตูดิโอ (Nanairo Studio)
เป็นเมืองอันเงียบสงบ ไม่พลุกพล่านด้วยผู้คนเท่าเมืองโตเกียว แต่ก็เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น สวนป่าไผ่อาราชิยาม่า วัดและศาลเจ้าชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น วัดกิโยมิซุ และศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ และถนนคนเดินเมืองเก่าย่านอาราชิยาม่า ซึ่งบริเวณย่านท่องเที่ยวนี้จะมีร้านเช่าชุดกิโนโนให้บริการอยู่มากมาย ได้แก่
- ร้าน Yume Kyoto
- ร้าน Kyoto Kimono Rental Kyoetsu
- ร้าน Kyoto Kimono Rental Wargo
- ร้าน Yumeyakata
- ร้าน Rental Kimono Okamoto
เป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่ต้องไปเยือนสักครั้งหากมาญี่ปุ่น เพราะเป็นเมืองที่ผสมผสานระหว่างความทันสมัยและสถานที่ท่องเที่ยวที่คงความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิม มีทั้งศาลเจ้า สวนสนุก แหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหารมากมายในย่านโดทงบุริ จุดที่เราจะต้องไปถ่ายรูปก็คือปราสาทโอซาก้า ด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่อันงดงาม และดอกซากุระที่บานสะพรั่งอยู่ล้อมรอบตัวปราสาท จึงเป็นที่เที่ยวที่พลาดไม่ได้เลย หากคุณต้องการหาแลนด์มาร์คในโอซาก้า เพื่อถ่ายรูปในชุดกิโมโน
เป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลกของประเทศญี่ปุ่น เพราะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์มากมาย เช่น วัดโทไดจิ วัดโกฟุคุจิ ศาลเจ้าคาสุกะ หรือจะเป็นสวนสาธารณะนารา ชมดอกซากุระบานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ และชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และย่านเมืองเก่าอย่าง อิไมโช เป็นเมืองเล็กๆ ใกล้ๆ กับเมืองอาสุกะซึ่งเป็นย่านการค้าในสมัยก่อน จึงเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของอาคารบ้านเรือนแบบโบราณ เหมาะแก่การถ่ายรูปกับชุดกิโมโนสุดๆ