ตะลึงไปกับความสวยงามตระการตาของแสงเหนือหรือออโรรา ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามที่สุด กับทัวร์แสงเหนือตามจุดดูแสงเหนือยอดฮิต ที่นักล่าล่าแสงเหนือต้องไปให้ได้
ทุกคนคงเคยได้ยินคำว่าแสงเหนือ และรู้ว่าเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติบางอย่าง แต่ไม่อาจรู้แน่ชัดว่าปรากฏการณ์เกิดจากอะไร และเกิดที่ไหน ทำไมผู้คนจึงเดินทางมายังประเทศที่มีแสงเหนือเพื่อรับชมแสงที่ว่ากัน วันนี้ Klook จึงพามารู้จักแสงเหนือกัน แสงเหนือ หรือ ออโรร่า (Aurora) เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่จะมีแสงเรืองๆ หลากสีบนท้องฟ้าในเวลากลางคืน โดยมักจะปรากฏให้เห็นในบริเวณแถบขั้วโลก บางคนอาจเรียกแสงใต้ ขึ้นอยู่กับบริเวณที่แสงเกิดขึ้น ซึ่งปรากฏการณ์แสงเหนือนั้นเป็นปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ ที่เกิดจากการชนกันระหว่างก๊าซในชั้นบรรยากาศของโลกกับอนุภาคไฟฟ้า ที่ถูกปล่อยออกมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ ก่อให้เกิดการระเบิดเป็นลำแสงสีที่หลากหลาย สีที่แตกต่างกันออกไปนั้นขึ้นอยู่กับว่าแสงนั้นเกิดขึ้นในช่วงชั้นบรรยากาศไหนและเกิดจากก๊าซอะไรนั่นเอง เช่น ชั้นบรรยากาศประมาณ 100-200 กิโลเมตรจะเกิดแสงสีเขียวอมเหลือง ส่วนชั้นบรรยากาศที่สูงกว่า 200 กิโลเมตรขึ้นไป จะเห็นเป็นแสงสีแดง ส่วนแสงสีฟ้าและสีม่วงมักจะปรากฏในช่วงความสูงเหนือชั้นบรรยากาศต่ำกว่า 120 กิโลเมตร และเป็นช่วงที่ชั้นมีโมเลกุลของไนโตรเจนหนาแน่นกว่าออกซิเจนนั่นเอง
สวีเดนเป็นประเทศที่มีภูมิประเทศสวยที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย เต็มไปด้วยภูเขา ป่าไม้และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และมีจุดชมแสงเหนือที่ดีที่สุด เช่น อุทยานแห่งชาติอบิสโก (Abisko National Park) ที่ตั้งอยู่ในเมืองคิรูน่า (Kiruna) ทางตอนเหนือของสวีเดน ซึ่งอุทยานนี้เป็นที่ตั้งของออโรร่าสกายสเตชั่น (Aurora Sky Station) นั่นเอง และอีกจุดชมแสงเหนือยอดฮิตก็คือ ทะสาบ Tornetrask Lake ที่มีความยาวมากถึง 70 กิโลเมตร ทำให้สามารถมองเห็นท้องฟ้าและแสงเหนือได้อย่างชัดเจน ฤดูกาลที่เหมาะกับการดูแสงเหนือ: เดือนกันยายน - มีนาคม
จุดยอดนิยมในการตามล่าแสงเหนือเกาะโลโฟเทน (Lofoten) ประกอบไปด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่ และยังมีหมู่บ้านชาวประมงสีแดง ที่เรียกว่า Rorbuer ต่อมาคือเมืองทรอมโซ (Tromso) เป็นเมืองท่องเที่ยวที่โด่งดังเรื่องการเดินทางมาชม พระอาทิตย์เที่ยงคืนและแสงเหนือ อีกหนึ่งเมืองที่เราสามารถมองเห็นแสงเหนือก็คือเมืองอัลตา (Alta) นอกจากเห็นแสงเหนือที่นี่แล้ว ที่นี่ยังมีงานเทศกาลเรียกว่า Finnmarksløpet ซึ่งเป็นการแข่งขันรถลากเลื่อนสุนัขชื่อดังของยุโรปที่จะถูกจัดขึ้นในทุกๆ ปีอีกด้วย ฤดูกาลที่เหมาะกับการดูแสงเหนือ: เดือนกันยายน – มีนาคม
ประเทศไอซ์แลนด์ ถือว่าเป็นประเทศอันดับต้นๆ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ที่สามารถมองเห็นแสงออโรร่าเต็มท้องฟ้ายามค่ำคืนได้อย่างชัดเจน กรุงเรคจาวิค (Reykjavik) เมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ ฟยอร์ดทางตะวันตก (Westfjord) หรือทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์ (North Iceland) รวมไปถึงอุทยานแห่งชาติซิงเควลลีร์ (Thingvellir National Park) ซึ่งเป็นพื้นที่ทางธรณีวิทยาและถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย ซึ่งตั้งอยู๋ห่างจากเมืองหลวงเพียงประมาณ 45 นาทีเท่านั้น ฤดูกาลที่เหมาะกับการดูแสงเหนือ: เดือนตุลาคม - มีนาคม
ฟินแลนด์ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่สำหรับใครที่เป็นนักล่าแสงเหนือจะรู้กัน ว่าคุณจะต้องไปล่าแสงเหนือที่ภูมิภาคแลปแลนด์ (Lapland) เพราะทั่วภูมิภาคนี้มีหลายเมืองที่คุณจะสามารถมองเห็นแสงเหนือยามค่ำคืนได้อย่างชัดเจน เช่น เมืองโรวาเนียมิ ซึ่งนอกจากจะโด่งดังเรื่องชมแสงเหนือได้อย่างชัดเจนแล้ว ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งหมู่บ้านซานตาคลอส (Santa village) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองนี้ อีกทั้งยังมีเมืองเลวิ (Levi) ที่เต็มไปด้วยที่พักที่เรียกว่าอิกลู (Igloo) บ้านของชาวเอสกิโม เป็นโดมใส ที่คุณสามารถนอนชมแสงเหนือแบบฟินๆ ฤดูกาลที่เหมาะกับการดูแสงเหนือ: ปลายเดือนสิงหาคมถึงเมษายน
ประเทศรัสเซีย ประเทศสุดหนาวเย็น นอกจากจะเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันสุดหรูและงดงามแล้ว ประเทศนี้ยังโด่งดังเรื่องการเดินทางไปดูแสงเหนืออักด้วย นักล่าแสงเหนือต้องไปที่นี่เลย เมืองมูรมานสก์ (Murmansk) ตอนเหนือของรัสเซีย ใกล้ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งนอกจากจะไปล่าแสงเหนือแล้ว ยังมีกิจกรรมฤดูหนาวอีกเพียบ ไม่ว่าจะขับรถสโนโมบิลลุยหิมะ หรือจะนั่งรถลากเลื่อน และตกปลาน้ำแข็ง บอกเลยว่ามาทีเดียว เก็บครบทุกกิจกรรม ฤดูกาลที่เหมาะกับการดูแสงเหนือ: เดือนกุมภาพันธ์
ไปชมแสงเหนือกันที่ประเทศสหรัฐอเมริกากันบ้าง รัฐอะแลสกา (Alaska) สามารถชมแสงเหนือได้อย่างกระจ่างแจ้งที่เมืองแฟร์แบงค์ (Fairbanks) ตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติและใกล้กับอุทยานแห่งชาติ Denali (Denali National Park) นอกจากนี้เมืองนี้ยังมีระบบพยากรณ์แสงเหนือให้บริการแก่นักท่องเที่ยวเพื่อไปตามล่าหาแสงเหนืออีกด้วย เก๋สุดๆ ฤดูกาลที่เหมาะกับการดูแสงเหนือ: เดือนกันยายน - เมษายน
ประเทศกรีนแลนด์เป็นประเทศที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือที่สุด จึงทำให้ภูมิประเทศส่วนใหญ่ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะ อีกทั้งยังเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ซึ่งช่วงเวลาที่แสงเหนือจะออกมาให้เห็นเป็นประจำ ก็คือในช่วงหน้าร้อนจนถึงฤดูใบไม้ผลิของกรีนแลนด์ พิกัดในการได้เห็นแสงเหนือก็คือ ทะเลสาบ Lake Aurora ในเมือง Ilulissat Town, เมืองหลวง Nuuk, เมือง Kulusuk และ เมือง Ammassalik นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมยอดฮิตให้ทำอย่างการนั่งลากเลื่อนสุนัข และการขี่สโนว์โมบิล หรือ เจ็ตสกีหิมะ ฤดูกาลที่เหมาะกับการดูแสงเหนือ: เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์
การชมแสงเหนือที่ประเทศเดนมาร์ก อาจจะยากสักหน่อย เพราะบางช่วงสภาพอากาศอาจจะไม่เอื้ออำนวยหรือมีพายุเข้าเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตามเราก็ยังสามารถเห็นแสงเหนือได้ที่หมู่เกาะแฟโร (Faroe) ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก และกรีนเนน ซึ่งเป็นคาบสมุทรขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของเดนมาร์กแผ่นดินใหญ่ ทั้งนี้ก่อนออกเดินทางเพื่อไปชมแสงเหนือในประเทศเดนมาร์ก ควรเช็คพยากรณ์อากาศให้ดีเสียก่อน เพราะหากเกิดมีพายุ เราจะไม่สามารถเห็นแสงเหนือได้เลย ฤดูกาลที่เหมาะกับการดูแสงเหนือ: กลางเดือนสิงหาคม – ปลายเมษายน
แคนนาดา เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เราอาจไม่ทราบว่ามีจุดชมแสงออโรราอยู่ด้วย แท้ที่จริงแล้ว ประเทศนี้เป็นสวรรค์แห่งการชมแสงเหนือเลยก็ว่าได้ ด้วยละติจูดเหนือและมีมลพิษทางแสงน้อย เราจึงสามารถเห็นแสงออโรราได้อย่างชัดเจน เมืองที่เราสามารถเห็นแสงออโรรา เช่น เมืองทุนดรา (Tundra)และเมืองออนทาริโอ (Ontario) บริเวณรอบทะเลสาบ Prosperous ในเมืองเยลโลไนฟ์ รวมไปถึงในอุทยานแห่งชาติ Wood Buffalo และ Jasper ฤดูกาลที่เหมาะกับการดูแสงเหนือ: เดือนมกราคม – กลางมีนาคม
สก็อตแลนด์เป็นประเทศเล็กๆ ในทวีปยุโรปที่ใครหลายๆ ฝันว่าอยากมาเยือนสักครั้งในชีวิต โดยเฉพาะมาล่าแสงออโรรานี่แหละ เกาะ Isle of Skye, Northern Highlands, เมืองแอเบอร์ดีน (Aberdeen) ที่ได้รับฉายาว่เป็น เมืองแห่งดอกกุหลาบ และประภาคาร Dunnet Head ที่คาบสมุทรดันเนตเฮดนั่นเอง ฤดูกาลที่เหมาะกับการดูแสงเหนือ: เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์